คุณกำลังรู้สึกเหมือนอายุที่มากขึ้น กำลังทำร้ายผิวของคุณไปทุกวัน ๆ หรือไม่? มารู้จักกับ “สเต็มเซลล์” เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่กำลังเป็นที่นิยมในวงการความงามทั่วโลก สามารถช่วยฟื้นฟูผิวของคุณให้กลับมาอ่อนเยาว์ เปล่งปลั่งราวกับได้เกิดใหม่ ด้วยคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และคอลลาเจน ทำให้ริ้วรอยลดเลือน ผิวกระชับ เต่งตึง และดูอ่อนกว่าวัยอย่างเห็นได้ชัด แล้วสเต็มเซลล์กับความงามทำงานอย่างไร? มาเปิดเผยความลับฟื้นฟูผิวอ่อนเยาว์ ไปพร้อม ๆ กันได้ในบทความนี้
การใช้สเต็มเซลล์กับความงาม คืออะไร?
การใช้สเต็มเซลล์กับความงาม หรือที่เรียกันว่าสเต็มเซลล์หน้าใส คือการฟื้นฟูผิวพรรณกำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่งสเต็มเซลล์คือเซลล์ต้นกำเนิดที่มีความสามารถในการแบ่งตัวและพัฒนาไปเป็นเซลล์ชนิดอื่น ๆ ได้ ในวงการความงาม มักสกัดสเต็มเซลล์มาจาก
- ไขมันส่วนเกิน เป็นแหล่งสเต็มเซลล์ที่นิยมใช้ในการฟื้นฟูผิว เนื่องจากสามารถดูดไขมันส่วนเกินออกมาและนำไปผ่านกระบวนการสกัดสเต็มเซลล์ได้
- รก และสายสะดือ เป็นแหล่งสเต็มเซลล์อีกชนิดหนึ่ง แต่การเข้าถึงและกระบวนการสกัดมีความซับซ้อนมากกว่า
มีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง
กระบวนการทำงานของสเต็มเซลล์ในการฟื้นฟูผิวพรรณ แบ่งเป็นขั้นตอนดังนี้
1. การสกัดเนื้อเยื่อไขมัน
กระบวนการเริ่มต้นด้วยการคัดเลือกบริเวณที่สะสมไขมันส่วนเกินของผู้รับการรักษา เช่น หน้าท้อง หรือต้นขา ซึ่งแพทย์จะทำการดูดเอาเนื้อเยื่อไขมันส่วนนี้ออกมา โดยใช้อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ทำได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
2. การสกัดและแยกสเต็มเซลล์
เนื้อเยื่อไขมันที่ได้จากขั้นตอนแรก จะถูกนำเข้าสู่ห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานสูง ซึ่งเนื้อเยื่อจะผ่านกระบวนการสกัดที่ละเอียด เพื่อแยกเอาเซลล์ต้นกำเนิด หรือสเต็มเซลล์ ออกมาจากเซลล์อื่น ๆ ในเนื้อเยื่อไขมัน โดยใช้เทคนิคทางวิทยาศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจง
3. การเพิ่มจำนวนสเต็มเซลล์
สเต็มเซลล์ที่ได้จากขั้นตอนที่ 2 จะถูกนำมาเพาะเลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมอย่างเข้มงวด ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งสเต็มเซลล์จะสามารถเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ได้ปริมาณที่เพียงพอสำหรับการรักษา
4. การฉีดสเต็มเซลล์กลับเข้าสู่ผิว
เมื่อสเต็มเซลล์มีจำนวนเพียงพอแล้ว แพทย์จะทำการฉีดสเต็มเซลล์กลับเข้าไปในบริเวณที่ต้องการการรักษา เช่น ใบหน้า โดยใช้เข็มขนาดเล็กและเทคนิคการฉีดที่เหมาะสม เพื่อให้สเต็มเซลล์กระจายตัวอย่างทั่วถึงในบริเวณที่ต้องการฟื้นฟู
5. การทำงานของสเต็มเซลล์
เมื่อสเต็มเซลล์เข้าสู่ผิวหนัง จะเริ่มทำงานทันที โดยมีกลไกการทำงานดังนี้
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ และลดเลือนริ้วรอย
- ซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย สเต็มเซลล์สามารถเข้าไปแทนที่เซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพหรือถูกทำลาย ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น
- กระตุ้นการสร้างหลอดเลือด สเต็มเซลล์จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างหลอดเลือดใหม่ในบริเวณที่ได้รับการรักษา ทำให้ผิวได้รับสารอาหารและออกซิเจนอย่างเพียงพอ ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น
ใช้สเต็มเซลล์กับความงาม มีประโยชน์อย่างไรบ้าง
ด้วยคุณสมบัติพิเศษในการฟื้นฟูและสร้างเซลล์ใหม่ ซึ่งการใช้สเต็มเซลล์กับความงามสามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวพรรณต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น
- ลดเลือนริ้วรอยและรอยแผล สเต็มเซลล์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวเต่งตึงและยืดหยุ่น รอยเหี่ยวย่นและรอยแผลจึงดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด
- ฟื้นฟูผิวที่เสียหาย ไม่ว่าผิวจะถูกทำร้ายจากแสงแดด มลภาวะ หรือความเครียด สเต็มเซลล์ก็สามารถเข้าไปซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหายได้ ทำให้ผิวกลับมามีสุขภาพดีเปล่งปลั่ง
- เสริมเกราะป้องกันผิว สเต็มเซลล์ช่วยให้ชั้นผิวแข็งแรงขึ้น ทำให้ผิวสามารถต้านทานต่อการระคายเคืองและการติดเชื้อได้ดีขึ้น
- ต่อต้านอนุมูลอิสระ สเต็มเซลล์ช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดริ้วรอยและผิวหมองคล้ำ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์สดใส
- คืนความกระชับให้ผิว สเต็มเซลล์ช่วยให้ผิวกลับมากระชับ เรียบเนียน ร่องลึกและรอยเหี่ยวย่นลดลง
ใครเหมาะกับการฉีดสเต็มเซลล์
- ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ที่เริ่มสังเกตเห็นปัญหาผิว เช่น ริ้วรอยแห่งวัย ร่องลึก ผิวหมองคล้ำ ผิวขาดความกระชับ หรือผิวเสียจากปัจจัยภายนอก
- ผู้ที่ต้องการป้องกันและชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย และรักษาความอ่อนเยาว์ของผิวให้ยาวนานขึ้น
- ผู้ที่เคยผ่านการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ แต่ยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจ หรือมีปัญหาผิวตามมา
- ผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือผิวอ่อนแอจากการสัมผัสสารเคมี หรือมลภาวะ
ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดสเต็มเซลล์
การตัดสินใจเข้ารับการรักษาควรพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยง ดังนี้
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวรุนแรง ผู้ป่วยโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง)
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไขกระดูกฝ่อ โรคเรื้อรังที่รบกวนระบบภูมิคุ้มกัน หรือโรคอื่น ๆ ที่ควบคุมได้ยาก
- ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ โรคติดเชื้อเอชไอวี ผู้ที่ใช้ยาที่กดภูมิคุ้มกัน หรือผู้สูงอายุที่มีระบบภูมิคุ้มกันทำงานไม่ดี อาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหลังการฉีดสเต็มเซลล์ได้ง่ายขึ้น
- หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลทางการแพทย์ที่เพียงพอเกี่ยวกับผลกระทบของสเต็มเซลล์ต่อทารกในครรภ์และทารกแรกเกิด จึงไม่แนะนำให้ผู้หญิงกลุ่มนี้เข้ารับการรักษา
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ยา หากเคยมีประวัติแพ้ยาหรืออาหารชนิดใด ๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบอย่างละเอียดก่อนการรักษา
สเต็มเซลล์กับความงาม ที่นิยมฉีดมีแบบไหนบ้าง
1. การฉีดเข้าผิวหน้าโดยตรง
การฉีดสเต็มเซลล์เข้าสู่ผิวหน้าโดยตรงเป็นเทคนิคที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาอ่อนเยาว์ โดยสเต็มเซลล์จะเข้าไปทำงานที่ระดับเซลล์ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและเต่งตึง
นอกจากนี้ การฉีดสเต็มเซลล์ยังช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู ชุ่มชื้น และมีสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปริมาณของสเต็มเซลล์ที่ใช้ โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้หลังจากการรักษาประมาณ 2-4 สัปดาห์ และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานหลายเดือน
2. การฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ
การฉีดสเต็มเซลล์เข้าทางหลอดเลือดดำ เป็นวิธีการนำส่งสเต็มเซลล์ให้กระจายไปทั่วร่างกาย เพื่อให้เซลล์สามารถเข้าไปซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณกลับมามีสุขภาพดี อ่อนเยาว์ สดใส และเปล่งปลั่งมากขึ้น
นอกจากนี้ การฉีดสเต็มเซลล์เข้าทางหลอดเลือดดำไม่เพียงแต่ช่วยปรับปรุงสภาพผิวเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกันและสมดุลภายในร่างกายโดยรวมอีกด้วย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการฉีดสเต็มเซลล์เข้าสู่หลอดเลือดดำโดยตรง ซึ่งสเต็มเซลล์จะถูกกระแสเลือดพาไปยังอวัยวะและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทั่วร่างกาย รวมถึงผิวหนัง ทำให้เกิดการฟื้นฟูและซ่อมแซมในระดับเซลล์ ซึ่งเป็นวิธีการที่ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติและยั่งยืน พร้อมทั้งส่งเสริมสุขภาพที่ดีในภาพรวม
การเตรียมตัวก่อนใช้สเต็มเซลล์กับความงาม
การเตรียมตัวก่อนใช้สเต็มเซลล์กับความงาม จะช่วยให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อให้คุณพร้อมสำหรับการรักษา
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่รับประทาน อาหารเสริมที่ใช้ และประวัติการแพ้ยาต่าง ๆ เพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
- ควรหยุดใช้ยาบางประเภท เช่น ไอบูโปรเฟน แอสไพริน เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเลือดออก
- ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับอาหารเสริมที่คุณรับประทานอยู่ เพื่อความปลอดภัย
- ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการรักษา และควรหยุดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการรักษา
- ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการรักษา และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด เช่น AHA, BHA เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวบอบบาง
- ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง และใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงอย่างสม่ำเสมอ
การดูแลตัวเองหลังใช้สเต็มเซลล์กับความงาม
เพื่อให้การฉีดสเต็มเซลล์กับความงามให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดตามที่คุณต้องการ ควรปฏิบัติตามข้อแนะนำ ดังต่อไปนี้
- 24-48 ชั่วโมงแรก ประคบเย็นบริเวณที่ฉีด นอนหงาย และหลีกเลี่ยงความร้อน เพื่อลดอาการบวมและช่วยให้สเต็มเซลล์เข้าที่ได้ดี
- 1 สัปดาห์แรก ทาครีมกันแดดเป็นประจำ และงดกิจกรรมหนักเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน ให้สเต็มเซลล์ทำงานได้อย่างเต็มที่ รวมถึงสังเกตอาการของตนเอง หากมีอาการบวม แดง หรือเจ็บผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันที
- 2 สัปดาห์ขึ้นไป กลับสู่กิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่ระวังอย่าไปสัมผัสบริเวณที่ฉีดแรง ๆ
เลือกใช้สเต็มเซลล์กับความงาม ที่ Zeniq Holistic Clinic ดีกว่าอย่างไร
การเลือกสถานที่ฉีดสเต็มเซลล์เื่อความงามเป็นเรื่องที่ต้องรอบคอบ เพราะการรักษาแบบนี้มีผลต่อสุขภาพในระยะยาว ที่ Zeniq Holistic Clinic สามารถให้การรักษาที่ตอบโจทย์และครอบคลุมได้ดังนี้
- ทีมแพทย์ของเรามีประสบการณ์ในการรักษาผู้ป่วยจำนวนมาก และพร้อมให้คำปรึกษาอย่างละเอียด
- เราใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐานสากลในการเพาะเลี้ยงและสกัดสเต็มเซลล์ เพื่อให้ได้เซลล์ที่มีคุณภาพสูงที่สุด
- คลินิกของเราได้รับการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีใบอนุญาตประกอบกิจการที่ถูกต้องตามกฎหมาย
- เราไม่เพียงแต่เน้นการรักษาที่ผิวหนัง แต่ยังคำนึงถึงสุขภาพโดยรวมของคุณ เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
ที่ Zeniq Holistic Clinic ให้มากกว่าการรักษา เพราะเราให้ความสำคัญกับการดูแลคุณอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ขั้นตอนการปรึกษา ไปจนถึงการติดตามผลหลังการรักษา เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าได้รับการดูแลที่ดีที่สุด
สรุป
การใช้สเต็มเซลล์กับความงามเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจในการแก้ปัญหาผิวพรรณที่เกิดจากวัยที่เพิ่มขึ้น เช่น ริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย เมื่อสเต็มเซลล์เข้าสู่ผิวหนัง จะทำหน้าที่กระตุ้นให้เซลล์ผิวผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น เต่งตึง และดูอ่อนเยาว์ สเต็มเซลล์ยังมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบและปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวสุขภาพดีเปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอก