ใบหน้าเป็นสิ่งแรกที่คนอื่นจะสังเกตเห็นเมื่อได้พบ การมีผิวหน้าใสสุขภาพดีจึงไม่ใช่แค่ความสวยงาม แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองอีกด้วย อยากรู้ว่าจะทำอย่างไรให้ผิวหน้าของคุณเปล่งประกายและน่ามองมากขึ้น? มาไขความลับไปพร้อมกันกับ 13 เคล็ดลับวิธีทำให้หน้าใสที่จะเปลี่ยนผิวหน้าของคุณให้สวยใส พร้อมเผยความมั่นใจในทุก ๆ วัน
ผิวหน้าหมองคล้ำ เกิดจากอะไร
ก่อนจะไปเผยเคล็ดลับหน้าขาวกระจ่างใส เรามาทำความเข้าใจสาเหตุที่ทำให้ผิวหมองคล้ำกันก่อนดีกว่า เพราะการดูแลผิวให้ตรงจุด จะช่วยให้เราได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
- แสงแดดและมลภาวะ รอบตัวเป็นตัวการสำคัญที่ทำร้ายผิวของเรา ทั้งรังสี UVA, UVB ที่ซึมลึกเข้าสู่ผิวหนัง ทำให้เกิดความหมองคล้ำ ฝ้า กระ และริ้วรอยก่อนวัย
- แสงจากหน้าจอ การใช้สมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ทำให้ผิวสัมผัสกับแสงสีฟ้า (Blue Light) ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยได้
- เครื่องสำอางตกค้าง การล้างเครื่องสำอางไม่สะอาด ทำให้รูขุมขนอุดตัน เกิดสิว และผิวหมองคล้ำ
- ความเครียด ส่งผลต่อสุขภาพผิว ทำให้ผิวผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น ผิวจึงดูหมองคล้ำ
- พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ผิวไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ ผิวจึงดูหมองคล้ำและโทรม
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น
เผย 13 วิธีทำให้หน้าใส ไร้สิว ทำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
การมีผิวหน้าขาวใสไร้สิวเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็อยากได้ มาดู 13 วิธีทำให้หน้าใสขึ้น ที่ทำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ดังนี้
1. มาสก์หน้าด้วยน้ำผึ้งผสมโยเกิร์ต
การมาสก์หน้าด้วยน้ำผึ้งผสมโยเกิร์ตเป็นวิธีทำให้หน้าใสไร้สิวแบบธรรมชาติ เพราะน้ำผึ้งจะผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวขาวใส อีกทั้งโยเกิร์ตมีกรดแลคติกจะช่วยปรับสมดุลของผิว โดยสามารถผสมน้ำผึ้งและโยเกิร์ตในปริมาณเท่ากัน จากนั้นพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออก
2. ทาครีมบำรุงทุกวัน เช้า-เย็น
ครีมบำรุงผิวมีประสิทธิภาพในการปรับปรุงสภาพผิวให้กระจ่างใส ทำให้สามารถซึมซาบเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างรวดเร็วและล้ำลึก ด้วยส่วนผสมดังต่อไปนี้ เช่น
- วิตามินซี สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ
- วิตามินอี ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ลดการอักเสบ
- อาร์บูติน ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
- กรด AHA ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่สดใส
- กรด BHA ลดการอุดตันของรูขุมขน ช่วยให้ผิวเรียบเนียน
5. การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
นอกจากการบำรุงผิวด้วยครีมแล้ว การทานอาหารที่มีประโยชน์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเป็นวิธีทำให้หน้าใส ไม่มีสิว ด้วยสารอาหารต่าง ๆ จะช่วยบำรุงผิวจากภายในสู่ภายนอก โดยเฉพาะวิตามินซีที่พบมากในผลไม้ตระกูลส้ม เบอร์รี่ หรือ กีวี ช่วยให้ผิวดูสดใส ลดเลือนริ้วรอย และปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ
4. เข้านอนไว นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
หากนอนหลับก่อน 4 ทุ่ม ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยในการซ่อมแซมเซลล์ผิวอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ การนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน จะช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ และตื่นขึ้นมาพร้อมผิวหน้าที่สดใส เปล่งปลั่ง
5. ดื่มน้ำอย่างเพียงพอในแต่ละวัน
วิธีทำให้หน้าใสไร้สิวด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ คือเคล็ดลับผิวสวยที่หลายคนมองข้าม ซึ่งการดื่มน้ำวันละ 1.5 ลิตร ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย ผิวดูอิ่มฟู รูขุมขนกระชับ และยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายอีกด้วย
6. ออกกำลังกายเป็นประจำ
การออกกำลังกายเพียง 30 นาที 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เพราะการออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและออกซิเจนไปเลี้ยงผิว ทำให้ผิวได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งขับสารพิษและสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขนไปกับเหงื่อ อีกทั้งยังช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียดที่เป็นตัวการทำลายคอลลาเจน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และยืดหยุ่นมากขึ้น
7. ฉีด PRP หน้าใส
PRP (Platelet-Rich Plasma) หรือ พลาสมาเข้มข้นเกล็ดเลือด คือ ส่วนประกอบหนึ่งในเลือดของเราที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้นสูง ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ต่าง ๆ เมื่อนำเลือดมาปั่นแยกเพื่อสกัดเอาเกล็ดเลือดเข้มข้นมาใช้ในการรักษาผิวหนัง จะช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เป็นวิธีทำให้หน้าใส รูขุมขนกระชับ ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวหน้าดูสุขภาพดีเปล่งปลั่ง
8. ทำสเต็มเซลล์หน้าใส
การทำสเต็มเซลล์หน้าใส เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการมีผิวสวยใส อ่อนเยาว์ ซึ่งสเต็มเซลล์จะเข้าไปช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ กระชับ ริ้วรอยลดลง และสีผิวสม่ำเสมอมากขึ้น นอกจากนี้ ยังไม่ต้องกังวลเรื่องการพักฟื้น เพราะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังทำทันที
9. ดริปวิตามินผิว
การดริปวิตามิน คือเทคนิคบำรุงผิวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยวิธีการฉีดวิตามินและแร่ธาตุเข้มข้นเข้าสู่ร่างกายโดยตรงผ่านทางเส้นเลือดดำ ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง กระจ่างใส อิ่มน้ำ และสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงผิวแบบเร่งด่วนและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
10. ฉีดเมโสหน้าใส
สำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ในการบำรุงผิวอย่างรวดเร็ว การฉีดเมโสหน้าใสเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นการส่งมอบสารบำรุงเข้มข้นเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง ทำให้ผิวได้รับการฟื้นฟูและปรับปรุงสภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นวิธีทําให้หน้าใสภายใน 7 วัน โดยไม่ต้องรอผลลัพธ์นานหลายสัปดาห์เหมือนการบำรุงผิวด้วยครีมทั่วไป
11. ฉีด Skin Booster
ฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว หรือสกินบูสเตอร์ คือการบำรุงผิวจากภายในลึก ๆ ช่วยให้ผิวหน้าดูใส เรียบเนียนขึ้น เหมือนผิวได้รับการบำรุงอย่างเข้มข้น ผิวจะชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ดูสุขภาพดี และยังช่วยให้รูขุมขนกระชับขึ้นด้วย
12. รับประทานอาหารเสริม
การทานอาหารเสริมไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาผิวสิว ฝ้า กระ หรือรอยดำโดยตรง แต่จะช่วยให้ผิวแข็งแรงจากภายใน ลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาผิวใหม่ ๆ และช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้อีกด้วย
13.หลีกเลี่ยงแสงแดด พร้อมทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน
การดูแลผิวให้ขาวใส เริ่มต้นที่การปกป้องผิวจากรังสี UV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ และริ้วรอยก่อนวัย ไม่ว่าจะเป็นแสงแดดจากธรรมชาติ หรือแสงจากหน้าจอโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ ก็สามารถทำร้ายผิวได้ทั้งสิ้น ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีแสงแดดจัด และสวมหมวก กางร่ม หรือใส่เสื้อแขนยาวเมื่อต้องออกแดด รวมถึงการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF และ PA สูงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างเกราะป้องกันผิวจากรังสี UV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความเชื่อวิธีทำให้หน้าใสแบบผิด ๆ
- ผลัดเซลล์ผิวหน้าบ่อย ๆ อาจทำให้ผิวอ่อนแอ ระคายเคือง และเสียสมดุลของน้ำมัน ทำให้ผิวแห้งกร้าน เกิดการอักเสบ และปัญหาสิวได้ง่ายขึ้น ซึ่งการผลัดเซลล์ผิวควรทำอย่างสม่ำเสมอแต่ไม่บ่อยเกินไป และเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว
- การทาครีมบำรุงผิวเยอะ แต่ไม่ทาครีมกันแดด การบำรุงผิวด้วยครีมบำรุงต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญ แต่หากขาดครีมกันแดด ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ดีเท่าที่ควร เพราะแสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยก่อนวัย ดังนั้นการทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันจึงเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารสเตียรอยด์ เพราะอาจทำให้ผิวบางลง เกิดการแพ้ ผิวติดสเตียรอยด์ และปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมาได้
สรุป
วิธีทำให้หน้าใสไร้สิว ต้องอาศัยความใส่ใจในหลาย ๆ ด้าน ไม่ใช่แค่การทาครีมอย่างเดียว แต่รวมถึงการดูแลสุขภาพจากภายในด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การพักผ่อนให้เพียงพอ และการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็มีส่วนช่วยให้ผิวพรรณดูสดใสเปล่งปลั่ง นอกจากนี้ การทำทรีตเมนต์เสริม เช่น PRP หรือสเต็มเซลล์ ก็เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วขึ้น แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ และที่สำคัญที่สุดคือการหลีกเลี่ยงความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการดูแลผิว เพราะอาจส่งผลเสียต่อผิวได้ในระยะยาว