เผย 13 เคล็ดลับหน้าเด็ก ย้อนเวลา คืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าอีกครั้ง

เคล็ดลับหน้าเด็ก ให้หน้าดูอ่อนเยาว์

ใฝ่ฝันอยากมีผิวหน้าที่อ่อนเยาว์ เปล่งปลั่งราวกับย้อนวัยกลับไปตอนอายุ 20 อีกครั้งหรือ? บทความนี้ได้รวบรวม 13 เคล็ดลับหน้าเด็ก พร้อมเทคนิคการดูแลผิวที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าคุณจะมีอายุเท่าไหร่ ก็สามารถมีผิวหน้าที่ดูอ่อนเยาว์กว่าวัยได้ เพียงแค่คุณเปิดใจและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตามเคล็ดลับที่เราได้เตรียมไว้ให้

ลักษณะของหน้าเด็กต้องเป็นอย่างไร

ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกถึงเคล็ดลับหน้าเด็กวิธีการต่าง ๆ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าว่า ผิวหน้าแบบหน้าเด็ก นั้นมีลักษณะเด่นอย่างไรบ้าง

  • ผิวเรียบเนียน ผิวสัมผัสเรียบลื่นไร้ความขรุขระ ไม่ปรากฏรูขุมขนกว้าง สิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือหลุมสิว ทำให้ผิวหน้าดูสะอาดและบริสุทธิ์
  • ไร้ริ้วรอย ผิวหน้าที่ไร้ร่องรอยของวัย ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยตื้นๆ หรือร่องลึก จะช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน เต่งตึง และอ่อนเยาว์
  • สีผิวสม่ำเสมอ ผิวหน้าที่ไม่มีฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ จะทำให้สีผิวดูสม่ำเสมอ สว่างใส และมีออร่า
  • ดูสดใส ไม่หมองคล้ำ ผิวหน้าที่ดูสดใส ไม่หมองคล้ำ หรือมีรอยคล้ำใต้ตา จะช่วยให้ใบหน้าดูมีชีวิตชีวาและอ่อนกว่าวัย
  • ผิวชุ่มชื้น ผิวที่อิ่มน้ำและชุ่มชื้นจะดูสุขภาพดี ยืดหยุ่น และไม่แห้งกร้าน ซึ่งเป็นสัญญาณของผิวที่อ่อนเยาว์
  • แก้มแดงระเรื่อ แก้มสีแดงระเรื่อเป็นธรรมชาติจะช่วยให้ใบหน้าดูมีเลือดฝาดและสุขภาพดี

13 เคล็ดลับหน้าเด็ก วิธีดูแลตัวเองให้สวยไม่สร่าง

เคล็ดลับหน้าเด็ก

รู้แล้วว่าอะไรทำให้หน้าแก่ก่อนวัย ต่อไปนี้เราจะมาเผยเคล็ดลับหน้าเด็กทั้ง 13 ข้อ ที่จะช่วยให้คุณมีผิวสุขภาพดี อ่อนเยาว์กว่าวัย

1. ทาครีมกันแดดทุกครั้ง ก่อนออกจากบ้าน

แสงแดดเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยก่อนวัย การทาครีมกันแดดอย่างถูกวิธีจึงเป็นขั้นตอนสำคัญ ดังนั้น จึงควรทาครีมกันแดดให้ทั่วใบหน้าและลำคอประมาณ 2 ข้อนิ้ว หรือเท่าเหรียญสิบ แล้วทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง โดยเฉพาะบริเวณที่โดนแดดโดยตรง เช่น สันจมูก โหนกแก้ม และริมฝีปาก เพื่อให้ผิวได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่

2. ผลัดเซลล์ผิว 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์

การผลัดเซลล์ผิวเป็นหนึ่งในเคล็ดลับหน้าเด็ก ที่จะช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ลง เพราะการสครับผิวหน้าเบา ๆ ด้วยเม็ดสครับละเอียด หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ธรรมชาติ เช่น AHA หรือ BHA อย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและเสื่อมสภาพออกไปอย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวดูกระจ่างใส เรียบเนียนขึ้น และยังกระตุ้นให้เซลล์ผิวใหม่เกิดขึ้นทดแทนอย่างรวดเร็วขึ้นกว่าปกติ 

3. มาสก์หน้าเพิ่มความชุ่มชื้น

การมาสก์หน้าเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญในการบำรุงผิวให้ดูอ่อนเยาว์ ด้วยเนื้อสัมผัสที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแผ่นมาสก์ มาสก์ครีม หรือมาสก์โคลน แต่ละชนิดก็มีส่วนผสมที่แตกต่างกันออกไป เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวแพ้ง่าย โดยเฉพาะมาสก์หน้าที่เน้นให้ความชุ่มชื้น จะช่วยเติมเต็มน้ำหล่อเลี้ยงให้ผิวอิ่มฟู ช่วยลดเลือนริ้วรอยและป้องกันไม่ให้ผิวแห้งกร้าน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดริ้วรอยก่อนวัย

4. รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ

แม้เราจะหลีกเลี่ยงมลภาวะและสารอนุมูลอิสระได้ยาก แต่เราก็สามารถปกป้องร่างกายได้ด้วยเคล็ดลับหน้าเด็กแบบธรรมชาติ อย่างการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระจะเข้าไปจับและทำลายอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยสารอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่

  • ผักและผลไม้สีสดใส เช่น ฝรั่ง ส้ม มะขามป้อม สับปะรด มะละกอสุก บล็อกโคลี่ คะน้า ใบปอ ผักหวาน ผักกาดเขียว พริกชี้ฟ้าเขียว แครอท ฟักทอง มะเขือเทศ แตงโม และมะละกอ ผักผลไม้เหล่านี้มีวิตามินซีและแคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ
  • ธัญพืชและเมล็ดพืช เช่น น้ำมันจากจมูกข้าวสาลี น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง เมล็ดทานตะวัน เมล็ดอัลมอนด์ ธัญพืชเหล่านี้มีวิตามินอี ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย
  • อาหารจากสัตว์ เช่น ตับหมู ตับไก่ ไข่ น้ำนม เนื้อสัตว์ ปลาทูน่า อาหารเหล่านี้มีซีลีเนียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีบทบาทสำคัญในการต่อต้านอนุมูลอิสระ
  • ขนมปังโฮลวีท เป็นแหล่งของซีลีเนียมและใยอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี

การรับประทานอาหารหลากหลายที่มีสีสัน จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเพียงพอ และยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวมอีกด้วย

5. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน

อย่างที่เราทราบกันดีว่าน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย ช่วยให้ระบบต่าง ๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะผิวพรรณ การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำ ลดเลือนริ้วรอยก่อนวัยได้เป็นอย่างดี 

นอกจากนี้ การดื่มน้ำยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น โรคไต โรคหัวใจ และโรคกระเพาะอาหาร อีกทั้งยังช่วยลดอาการเมื่อยล้า และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสมอง

6. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นเคล็ดลับหน้าเด็กที่ช่วยให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงดูอ่อนเยาว์ลงได้จากภายในสู่ภายนอก ซึ่งการเคลื่อนไหวร่างกายจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและออกซิเจนไปยังผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณดูสดใสเปล่งปลั่ง มีเลือดฝาด และอิ่มน้ำมากขึ้น 

นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังส่งเสริมให้ร่างกายผลิตสารเคมีที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น โดปามีน (Dopamine) หรือที่เรียกว่า “ฮอร์โมนแห่งความสุข” ซึ่งช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและอารมณ์ดีขึ้น ส่งผลให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์และสดใสเปล่งปลั่งยิ่งขึ้นไปอีก

7. ผ่อนคลาย พยายามไม่ให้เกิดความเครียด

ความเครียดเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่เร่งให้ผิวแก่ก่อนวัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อร่างกายอยู่ในภาวะตึงเครียด จะกระตุ้นให้หลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ก่อให้เกิดการอักเสบ ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองง่ายขึ้น ผลิตน้ำมันมากเกินไป และเสี่ยงต่อการเกิดสิวและรอยแดง 

8. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การเข้านอนก่อน 4 ทุ่มและนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อคืน จะช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงเวลาที่เรานอนหลับ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สำคัญในการเจริญเติบโตและซ่อมแซมเซลล์ โดยเฉพาะช่วงเวลาตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงตี 2 ถือเป็นช่วงที่ร่างกายหลั่งฮอร์โมนชนิดนี้อย่างเต็มที่ การนอนหลับให้เพียงพอในช่วงเวลาดังกล่าวจึงเปรียบเสมือนการเติมพลังให้กับร่างกาย ทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง อ่อนเยาว์ และชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

9. ฉีดฟิลเลอร์ เติมเต็มร่องลึก

การฉีดฟิลเลอร์คือเป็นเคล็ดลับหน้าเด็กที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเกาหลี รวมทั้งไทยในปัจจุบันนี้ ช่วยเติมเต็มผิวหน้าให้กลับมาอิ่มฟู เรียบเนียน และดูมีชีวิตชีวา ด้วยการเติมสารเติมเต็มเข้าไปในบริเวณที่ต้องการปรับปรุง ไม่ว่าจะเป็นร่องลึก ร่องแก้ม หรือตำแหน่งอื่น ๆ บนใบหน้า

10. ฉีดโบท็อกซ์ ลดเลือนริ้วรอย 

โบท็อกซ์ หรือ โบทูลินัมท็อกซิน (Botulinum Toxin) เป็นสารที่ใช้ในการรักษาปัญหาริ้วรอย โดยมีกลไกการทำงานคือการไปบล็อกสัญญาณประสาทที่สั่งการให้กล้ามเนื้อหดตัว ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดคลายตัวลง ส่งผลให้ริ้วรอยที่เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อ เช่น รอยตีนกา หรือริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ดูจางลงและผิวเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผลลัพธ์ที่ได้จะเริ่มสังเกตเห็นได้ชัดเจนภายใน 2-4 สัปดาห์ และคงอยู่ได้นานหลายเดือน

11. ฉีดสเต็มเซลล์หน้าใส

การฉีดสเต็มเซลล์เป็นการชะลอวัยและฟื้นฟูผิวพรรณให้กลับมาอ่อนเยาว์ เพราะสเต็มเซลล์เปรียบเสมือนเซลล์ซ่อมแซมที่เข้าไปแทนที่เซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอิ่มน้ำมากขึ้น นอกจากนี้ สเต็มเซลล์ยังปล่อยสารสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและเต่งตึง อีกทั้งยังช่วยลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

12. ทำ PRP สร้างคอลลาเจน

PRP (Platelet Rich Plasma) คือ เทคนิคการฟื้นฟูผิวและร่างกายด้วยพลาสมาเกล็ดเลือดเข้มข้นที่สกัดมาจากเลือดของผู้ป่วยเอง โดยกระบวนการนี้จะแยกเอาเกล็ดเลือดที่มีปริมาณสูงมาฉีดกลับเข้าสู่บริเวณที่ต้องการบำบัดการฉีด prp หน้าใส ช่วยให้ผิวหน้ากลับมาอ่อนเยาว์ ผิวพรรณเปล่งปลั่ง รูขุมขนกระชับ และลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

13. ทำ EndoliftX ให้ผิวให้เรียบเนียน

Endoliftx ใช้เทคโนโลยีเส้นใยนำแสงขนาดเล็ก (Fiber optic) สอดเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อปล่อยพลังงานเลเซอร์ความยาวคลื่น 1470 นาโนเมตร เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่สำคัญในการรักษาความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยลดลง และรูปหน้าดูยกกระชับ อีกทั้งยังช่วยปรับปรุงคุณภาพของผิวให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นอีกด้วย

อยากหน้าเด็กต้องเลี่ยง! เคล็ดลับป้องกันหน้าแก่ก่อนวัย 

อยากหน้าเด็กต้องหลีกเลี่ยงเรื่องอะไร

อยากมีผิวหน้าอ่อนเยาว์ สดใส เปล่งปลั่งอยู่เสมอ? ลองมาดูพฤติกรรมที่เราควรหลีกเลี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้ใบหน้าดูแก่ก่อนวัยกัน

หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

แอลกอฮอล์ไม่ว่าจะดื่มเข้าไปหรือทาบนผิวหน้า ก็เป็นตัวการสำคัญที่ทำร้ายผิวให้ดูแก่ก่อนวัยได้ เพราะแอลกอฮอล์จะไปทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น เกิดริ้วรอยง่ายขึ้น

หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหนัก ไม่พักหน้า

การแต่งหน้าทุกวัน อาจทำให้ผิวหน้าต้องเผชิญกับสารเคมีจากเครื่องสำอางมากเกินไป ส่งผลให้ผิวระคายเคือง อุดตัน และเกิดการอักเสบได้ง่าย นอกจากนี้ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวดูหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น

หลีกเลี่ยงการทานของหวานเป็นประจำ

น้ำตาลในของหวานเป็นตัวที่เร่งให้ผิวแก่ก่อนวัย เพราะน้ำตาลจะไปทำปฏิกิริยากับโปรตีนในผิว ทำให้เกิดสารที่ทำลายคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวเต่งตึง จึงทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น

หลีกเลี่ยงท่านอนตะแคงและนอนคว่ำ

ท่านอนนี้จะทำให้ใบหน้าเสียดสีกับหมอน ทำให้เกิดรอยยับบนใบหน้าได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณแก้มและคาง ควรฝึกนอนหงายเพื่อป้องกันปัญหาผิวเสียรูป

สรุป

แม้กาลเวลาจะพรากความอ่อนเยาว์ของใบหน้าไป แต่เราสามารถชะลอความเสื่อมนั้นได้ ด้วยเคล็ดลับหน้าเด็กที่ได้แนะนำไปในบทความ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจควบคู่ไปกับการบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ หรือแม้แต่การทำหัตถการ ซึ่งการดูแลตนเองอย่างถูกวิธีไม่เพียงแต่ช่วยให้เราดูอ่อนเยาว์ แต่ยังเสริมสร้างความมั่นใจให้กับเราจากภายในสู่ภายนอก เพราะความงามที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่อายุ แต่มาจากการที่เรารักและดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เราก็ยังคงเปล่งประกายได้เสมอตราบใดที่เรายังคงรักษาผิวพรรณให้สวยสุขภาพดีในแบบที่เป็นตัวของเราเอง