สร้างพื้นฐานผิวสวยด้วย 10 วิธีทำให้ผิวแข็งแรง ไม่แพ้ง่าย

วิธีทำให้ผิวแข็งแรง ไม่แพ้ง่าย

ผิวสวยไม่ใช่เรื่องของโชคช่วย แต่เป็นผลลัพธ์จากการดูแลเอาใจใส่ตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการมีผิวสุขภาพดีเป็นเหมือนการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่า เพราะผิวคืออวัยวะที่ใหญ่ที่สุดของร่างกาย และเป็นด่านแรกที่ต้องเผชิญกับมลภาวะและแสงแดด ดังนั้น การสร้างพื้นฐานผิวแข็งแรงจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง บทความนี้จะมาแนะนำวิธีการดูแลผิวจากภายในสู่ภายนอก เพื่อให้คุณมีผิวสวยใสอย่างยั่งยืน

ผิวแข็งแรง คืออะไร? พื้นฐานของผิวสวย

ผิวแข็งแรง คือ ผิวที่มีเกราะป้องกันตามธรรมชาติที่แข็งแรง เรียกว่า Skin Barrier ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกำแพงป้องกันผิวของเราจากสิ่งสกปรก มลภาวะ และแบคทีเรียต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ซึ่งชั้นของ Skin Barrier นี้ประกอบด้วยเซลล์ผิวที่เรียงตัวกันอย่างหนาแน่น และมีไขมันที่ทำหน้าที่เหมือนซีเมนต์ยึดเซลล์ผิวเหล่านั้นให้ติดกันแน่นสนิท นอกจากนี้ ผิวที่แข็งแรงยังช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน อิ่มน้ำ เปล่งปลั่ง และมีสุขภาพดีอีกด้วย

ผิวไม่แพ้ง่ายเป็นแบบไหน

ผิวที่แข็งแรงและไม่แพ้ง่ายนั้น สังเกตได้ดังนี้

  • ผิวที่ชุ่มชื้นอยู่เสมอ ไม่แห้งตึง หรือมันเยิ้มจนเกินไป 
  • ผิวจะมีสัมผัสที่เนียนนุ่ม เรียบลื่น เมื่อลูบไปตามผิวจะรู้สึกถึงความละเอียดอ่อน ไม่ขรุขระหรือเป็นขุย 
  • รูขุมขนจะดูเรียบเนียนและกระชับ ไม่กว้างหรือหย่อนคล้อย ผิวจะดูเต่งตึง มีความยืดหยุ่น และเปล่งประกายด้วยสุขภาพที่ดี 

นอกจากนี้ ผิวที่แข็งแรงยังมีความสามารถในการป้องกันตัวเองจากปัจจัยภายนอกได้เป็นอย่างดี จึงไม่ค่อยเกิดปัญหาสิว ผิวแพ้ หรือการระคายเคืองง่าย

10 วิธีทำให้ผิวแข็งแรง ไม่แพ้ง่าย สร้างได้ทุกวัน

การมีผิวแข็งแรงและเปล่งปลั่งเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็ต้องการ ซึ่งการดูแลผิวไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เราใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน ด้วย 10 วิธีทำให้ผิวแข็งแรง ไม่แพ้ง่าย ดังนี้

1. การพักผ่อนให้เพียงพอ 

การนอนหลับเป็นการให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ซึ่งรวมถึงผิวพรรณของเราด้วยค่ะ โดยเฉพาะในช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00 น. ถึง 02.00 น. นับเป็นช่วงเวลาทองที่ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโตออกมาซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย ฟื้นฟูความยืดหยุ่นให้กับผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ หากเราได้นอนหลับอย่างเพียงพอและมีคุณภาพ ก็จะทำให้ตื่นมาพร้อมกับผิวที่ดูสดใส เปล่งปลั่ง และแข็งแรงมากขึ้น ดังนั้น การนอนหลับอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อคืนจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับใครที่ต้องการมีผิวพรรณที่ดูดีและสุขภาพดี

2. หลีกเลี่ยงแสงแดด และทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกจากบ้าน

รังสี UV จากแสงแดดเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดฝ้า กระ และริ้วรอยก่อนวัย ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการออกไปกลางแดดโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไปและสวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกาย

3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ 

เมื่อเราดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ ร่างกายจะสามารถนำน้ำไปหล่อเลี้ยงเซลล์ผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ และมีสุขภาพดี นอกจากนี้ น้ำยังช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ทำให้ผิวสะอาดและลดโอกาสการเกิดสิวและปัญหาผิวอื่น ๆ การดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน จึงเป็นวิธีทำให้ผิวแข็งแรง ไม่แพ้ง่าย ที่เราสามารถทำได้ทุกวัน

4. ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ 

ผิวแข็งแรงกินอะไร? การสร้างผิวแข็งแรงนั้นสามารถเริ่มต้นได้จากภายในร่างกายของเรา ซึ่งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 หมู่ จำเป็นต่อการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ๆ ขึ้นมาทดแทนเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพและตายไป รวมถึงช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของผิวหนัง โดยเฉพาะผักและผลไม้ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินอี และเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากความเสียหายที่เกิดจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น รังสีอัลตราไวโอเลตและมลภาวะ ทำให้ผิวพรรณของเราดูสุขภาพดี เปล่งปลั่ง และอ่อนเยาว์อยู่เสมอ

5. เสริมวิตามินซี 

ผิวแข็งแรงใช้สกินแคร์อะไร? ผิวแข็งแรงต้องการการดูแลเป็นพิเศษ โดยทั่วไป สกินแคร์ที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง ควรมีส่วนผสมดังต่อไปนี้

  • เซราไมด์ ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้นและแข็งแรง
  • ไฮยาลูรอนิค แอซิด ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว
  • วิตามิน B5 ช่วยลดการอักเสบและช่วยให้ผิวสมานแผล
  • สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน C, E, เกรปฟรุต ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ

6. ลดความเครียด 

ความเครียดส่งผลกระทบต่อสุขภาพผิวของเราอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเรารู้สึกเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมา ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้มีผลต่อการทำลายคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้ผิวของเราสูญเสียความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยก่อนวัย และดูแก่กว่าวัยที่เป็นอยู่ 

ดังนั้น การดูแลสุขภาพผิวให้แข็งแรงนั้น จำเป็นต้องควบคุมระดับความเครียดให้คงที่ด้วยการหาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ และทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น การฟังเพลง ออกกำลังกาย หรือใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ เพื่อช่วยให้จิตใจสงบและผ่อนคลาย ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพผิวของเราในระยะยาว

7. เลิกบุหรี่ 

การสูบบุหรี่นั้นส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมของร่างกาย รวมถึงผิวพรรณของเราด้วย ซึ่งบุหรี่มีสารพิษมากมายที่เมื่อสูดดมเข้าไป จะเข้าสู่กระแสเลือดและไปทำลายเซลล์ผิว ทำให้ผิวของเราสูญเสียความชุ่มชื้น ดูหมองคล้ำ ไม่สดใส นอกจากนี้ สารพิษเหล่านี้ยังไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่สำคัญในการสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิว ทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร 

ดังนั้น การเลิกบุหรี่จึงเป็นหนึ่งในวิธีการดูแลผิวที่สำคัญที่สุด เพราะจะช่วยให้ร่างกายได้มีโอกาสฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสียหาย และทำให้ผิวกลับมาดูอ่อนเยาว์ สุขภาพดีได้อีกครั้ง

8. แต่งหน้าเบา ๆ 

การแต่งหน้าหนาเกินไปเป็นประจำอาจส่งผลเสียต่อผิวของคุณได้ เนื่องจากเครื่องสำอางที่ตกค้างบนผิวหน้าอาจไปอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดสิวและปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา ดังนั้น เพื่อสุขภาพผิวที่แข็งแรง ควรแต่งหน้าในปริมาณที่พอเหมาะ และที่สำคัญอย่าลืมทำความสะอาดผิวหน้าอย่างละเอียดทุกครั้งหลังแต่งหน้า เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางออกให้หมดจด การดูแลผิวอย่างถูกวิธีจะช่วยให้คุณมีผิวพรรณที่สวยใส สุขภาพดี และอ่อนเยาว์อยู่เสมอ

9. ทำหัตถการ ฉีด Skin booster

Skin Booster นั้นเปรียบเสมือนการเติมพลังให้กับผิวหน้าของเรา โดยเป็นการรักษาทางการแพทย์ที่ช่วยฟื้นฟูและกระตุ้นให้เซลล์ผิวทำงานได้ดียิ่งขึ้น ผ่านการเติมสารบำรุงเข้มข้นเข้าสู่ผิวหน้าโดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วสารบำรุงจะเน้นไปที่การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ซึ่งคอลลาเจนเป็นโปรตีนที่สำคัญมากสำหรับผิว เพราะช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น เต่งตึง และดูอ่อนเยาว์ เมื่อเราเติมคอลลาเจนให้ผิว ผิวก็จะแข็งแรงขึ้น สามารถป้องกันตัวเองจากมลภาวะและแสงแดดได้ดีขึ้น ทำให้ริ้วรอยต่าง ๆ ดูจางลง ผิวดูเรียบเนียนและอิ่มน้ำมากขึ้น 

นอกจากนี้ Skin Booster ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวมให้ดีขึ้น ทำให้ผิวดูสุขภาพดี เปล่งปลั่ง และอ่อนกว่าวัยได้อีกด้วย

10.  IV drip เติมวิตามินสู่ผิวฟื้นฟูทั่วร่างกาย

IV Drip หรือการให้วิตามินทางหลอดเลือดดำ ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย และทำให้เซลล์ผิวแข็งแรง อีกทั้งยังช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ นุ่มนวล ไม่แห้งกร้าน ซึ่งแต่ละคลินิกก็จะมีสูตร IV Drip แตกต่างกันไป โดย Zeniq Holistic Clinic มีสูตร IV Drip ให้เลือกมากถึง 12 สูตรด้วยกัน ดังนี้ 

  • Vascular Support – กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ฟื้นฟูผิวให้เปล่งปลั่ง
  • Super C/Megadose Vitamin C – เสริมภูมิคุ้มกัน พร้อมบำรุงผิวให้กระจ่างใส
  • Hormone Support – ปรับสมดุลฮอร์โมน เพื่อสุขภาพกายใจที่ดี
  • Liver Detoxification – ขจัดสารพิษออกจากร่างกาย
  • Enhance Metabolism – เร่งการเผาผลาญ ช่วยควบคุมน้ำหนัก
  • Disease Improvement – ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • Stress Free – ช่วยให้นอนหลับสบาย สมองปลอดโปร่ง
  • Organ Support – บำรุงอวัยวะด้วยวิตามินและแร่ธาตุเข้มข้น
  • After Party – ฟื้นฟูร่างกายหลังปาร์ตี้ ลดอาการอ่อนเพลีย
  • Cocktail Infusions พิเศษ 3 สูตร
  1. สูตรฟื้นฟูเซลล์ – เสริมสร้างความแข็งแรงจากภายใน สู่ผิวที่เปล่งปลั่ง
  2. สูตร NAC – ดูแลตับให้แข็งแรง ลดการสะสมสารพิษ
  3. สูตร NAC + Glutathione – ต่อต้านริ้วรอย ผิวกระจ่างใส พร้อมลดความเครียด

IV Drip ราคาเท่าไร? ซึ่งสูตรบำรุงผิวทั่วไป ราคาเริ่มต้นที่ 1,500 บาท เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงผิวอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ยังมีสูตรเฉพาะบุคคล ที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะออกแบบสูตรวิตามินที่ตรงกับปัญหาและความต้องการของคุณ ผ่านการตรวจเลือดวิเคราะห์อย่างละเอียด ราคาเริ่มต้นที่ 3,500 บาท มั่นใจได้ถึงผลลัพธ์ที่ตรงใจ

11. ฉีดกลุ่มกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator)

Biostimulator หรือสารกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยให้ผิวแข็งแรง เรียบเนียน และอ่อนเยาว์ขึ้นจากภายใน ด้วยการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเอง แต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกัน เหมาะกับปัญหาผิวที่หลากหลาย

  • Sculptra กระตุ้นคอลลาเจนใหม่ ผิวอิ่มฟู ยกกระชับ ผลลัพธ์นาน 2-3 ปี เหมาะสำหรับผิวหย่อนคล้อย
  • Radiesse เติมเต็มร่องลึก ผิวอิ่มฟูทันที กระตุ้นคอลลาเจน ผลลัพธ์นาน 12-18 เดือน เหมาะสำหรับร่องแก้มลึก
  • Juvelook ให้ความชุ่มชื้น เติมเต็มริ้วรอย ผิวอ่อนเยาว์ ผลลัพธ์นาน 12 เดือน เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น

สรุป

การจะมีผิวแข็งแรงเกิดจากการดูแลอย่างสม่ำเสมอ โดยผิวที่แข็งแรงจะมี Skin Barrier ที่ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ซึ่งในบทความแนะนำวิธีดูแลผิวให้แข็งแรงหลายวิธี ได้แก่ การพักผ่อนให้เพียงพอ การปกป้องผิวจากแสงแดด การดื่มน้ำ การทานอาหารครบ 5 หมู่ การใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมที่ดี การจัดการความเครียด และการเลิกบุหรี่ นอกจากนี้ยังแนะนำให้แต่งหน้าแต่พองาม และสามารถทำหัตถการ Skin Booster เพื่อฟื้นฟูผิวได้อีกด้วย ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ผิวแข็งแรง ไม่แพ้ง่าย และมีสุขภาพดีในระยะยาว