“ใต้ตาคล้ำ” ปัญหาที่ใครหลายคนต้องเจอ ทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำและอ่อนล้า ไม่ว่าจะเป็นจากการนอนน้อย ทำงานหนัก หรือปัจจัยอื่น ๆ ที่คาดไม่ถึง วันนี้เราจะมาไขปริศนาสาเหตุของใต้ตาคล้ำ พร้อมเผยเคล็ดลับการฟื้นฟูผิวใต้ตาให้กลับมาสดใส อ่อนเยาว์อีกครั้งได้ในบทความ
ใต้ตาคล้ำมีลักษณะอย่างไร
ใต้ตาคล้ำ หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Dark circles คือ อาการที่ผิวหนังรอบดวงตาเป็นสีคล้ำ ทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำ เหมือนเหนื่อยล้าอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อมีแสงส่องกระทบ จะเห็นรอยคล้ำชัดเจนขึ้น
ใต้ตาคล้ำ เกิดจากอะไรบ้าง
ใต้ตาคล้ำเกิดจากอะไร? ปัญหาใต้ตาคล้ำทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำ เหนื่อยล้า และดูอายุมากกว่าวัย สาเหตุของใต้ตาคล้ำเกิดจากทั้งปัจจัยภายในร่างกายและปัจจัยภายนอก ดังนี้
- อายุที่เพิ่มขึ้น: เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังบริเวณรอบดวงตาจะบางลง กล้ามเนื้อและหลอดเลือดเล็กลง ทำให้เห็นเส้นเลือดใต้ผิวหนังได้ชัดเจนขึ้น และไขมันใต้ผิวหนังก็ลดลง ทำให้เกิดร่องลึกและเงาบริเวณใต้ตา
- กรรมพันธุ์: ลักษณะโครงสร้างของใบหน้า เช่น เบ้าตาลึก หรือการมีเม็ดสีผิวที่เข้มข้น ก็เป็นปัจจัยทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดใต้ตาคล้ำได้
- ภูมิแพ้: การแพ้สารต่าง ๆ เช่น ละอองเกสร ฝุ่น ทำให้เกิดอาการคันตาและการขยี้ตาบ่อย ๆ ทำให้ผิวหนังบริเวณใต้ตา เกิดการอักเสบและเส้นเลือดขยายตัว
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ: การนอนหลับไม่เพียงพอหรือมีคุณภาพไม่ดี ทำให้ร่างกายผลิตสารอนุมูลอิสระมากขึ้น ซึ่งเป็นตัวการทำลายเซลล์ผิว และทำให้เกิดความหมองคล้ำ
- การขาดน้ำ: การดื่มน้ำน้อยเกินไป ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นและเกิดร่องลึก
- แสงแดด: รังสี UV จากแสงแดดทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นและเกิดจุดด่างดำ
- การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: สารนิโคตินและแอลกอฮอล์ทำลายหลอดเลือดฝอย ทำให้เกิดการอักเสบและทำให้ผิวหมองคล้ำ
- ความเครียด: ความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นตัวการทำลายคอลลาเจนและทำให้ผิวหนังอ่อนแอลง
- การตั้งครรภ์: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงตั้งครรภ์ ทำให้เกิดการอักเสบและเส้นเลือดขยายตัว
7 วิธีแก้ใต้ตาคล้ำ บอกลาความโทรม
การแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำ ให้กลับมาสดใสดูมีชีวิตชีวานั้น สามารถทำได้หลากหลายวิธี ทั้งวิธีที่เราสามารถทำได้เองที่บ้าน หรือวิธีการรักษาทางการแพทย์ ดังนี้
1. บำรุงผิวใต้ตาด้วยอายครีม
เนื่องจากบริเวณรอบดวงตาเป็นผิวที่บอบบาง การใช้อายครีมอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ผิวรอบดวงตาของเรากลับมามีสุขภาพดี ชุ่มชื้น กระจ่างใส และดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น โดยส่วนมากจะมีส่วนผสมหลักดังนี้
- กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid หรือ HA) ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิวใต้ตา
- ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) เป็นวิตามินบี 3 ที่มีคุณสมบัติในการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
- เรตินอล (Retinoids) หรือ อนุพันธ์วิตามินเอ มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องลึก และทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- เปปไทด์ (Peptide) เป็นสายสั้นของกรดอะมิโนที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณไปยังเซลล์ผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และลดเลือนริ้วรอย
- วิตามินซี (Vitamin C) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดจากแสงแดด มลภาวะ และปัจจัยอื่น ๆ ช่วยให้ผิวใต้ตากระจ่างใส และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
2. ใช้น้ำแข็งประคบเย็นใต้ตา
การประคบเย็นเป็นวิธีแก้ใต้ตาคล้ำที่ง่ายและสะดวกมากวิธีหนึ่งในการช่วยลดรอยคล้ำใต้ตา ซึ่งความเย็นจะช่วยให้หลอดเลือดหดตัว ทำให้รอยคล้ำดูจางลง และยังช่วยลดอาการบวมใต้ตาได้อีกด้วย โดยจะมีวิธีทำดังนี้
- ใช้น้ำแข็งห่อด้วยผ้าสะอาด หรือใช้แผ่นเจลเย็น
- นำน้ำแข็งห่อผ้าหรือแผ่นเจลเย็นมาวางเบา ๆ บนบริเวณใต้ตาที่เป็นรอยคล้ำ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที
- ทำซ้ำขั้นตอนนี้ได้วันละ 2-3 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
3. ใช้ถุงชาเขียวประคบใต้ตา
ชาเขียวมีสารคาเฟอีนที่เป็นตัวช่วยสำคัญในการลดเลือนรอยคล้ำใต้ตา เมื่อใช้ถุงชาเขียวอุ่น ๆ ประคบบริเวณใต้ตา ความร้อนจากถุงชาจะช่วยให้รูขุมขนเปิดออก ทำให้สารคาเฟอีนซึมซาบลึกเข้าสู่ผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสารคาเฟอีนจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตบริเวณใต้ตา ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ลดอาการบวมและรอยคล้ำใต้ตาได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ คาเฟอีนยังมีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ ช่วยลดการระคายเคืองและอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นกับผิวรอบดวงตาได้อีกด้วย
4. เพิ่มการไหลเวียนเลือดด้วยการนวด
การนวดเบา ๆ บริเวณใต้ตาที่คล้ำนั้นเป็นวิธีการที่ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ทำให้รอยคล้ำใต้ตาจางลง ซึ่งมีวิธีการทำดังนี้
- ใช้นิ้วชี้กดเบา ๆ ที่บริเวณใต้ตา เริ่มจากด้านซ้ายแล้วค่อย ๆ นวดไปทางด้านขวา
- ทำซ้ำประมาณ 3-5 นาที
การนวดแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดรอยคล้ำเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังใต้ตาทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย ทำให้ผิวบริเวณนั้นดูสดใสและเปล่งปลั่งมากขึ้น
5. ทำ PRP ใต้ตา
ใครเป็นภูมิแพ้จนใต้ตาคล้ำ ลองรักษาด้วยการทำ PRP ใต้ตา ที่เป็นการนำเลือดของตัวผู้ป่วยเองมาใช้ในการรักษาและปรับปรุงสภาพผิวบริเวณใต้ตาให้ดีขึ้น ซึ่งวิธีการนี้ถือเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีความปลอดภัยสูงและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
ซึ่งเกล็ดเลือดเป็นส่วนประกอบสำคัญในเลือดของเรา มีหน้าที่ในการช่วยให้แผลปิด และยังมีสารสำคัญที่เรียกว่า Growth Factors ซึ่งมีบทบาทในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ คอลลาเจน และอีลาสติน เมื่อเราฉีดพลาสมาที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้นเข้าไปในใต้ตา สาร Growth Factors เหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้ผิวใต้ตาเกิดการฟื้นฟูตัวเอง
6. ฉีดฟิลเลอร์แก้ใต้ตาคล้ำ
ใต้ตาคล้ำลึกฉีดอะไรดี? การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำที่เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น กรรมพันธุ์ ภูมิแพ้ หรือแม้แต่การพักผ่อนไม่เพียงพอ การขยี้ตาบ่อย ๆ หรือความเครียดที่สะสมมานาน เป็นต้น
โดยฟิลเลอร์จะทำงานเหมือนเป็นการเติมเต็มร่องลึกต่าง ๆ ช่วยให้ผิวใต้ตาเรียบเนียนขึ้น ปกปิดความคล้ำของเม็ดสีและเส้นเลือด ทำให้บริเวณใต้ตาดูสว่างสดใสขึ้นราวกับได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวใต้ตา ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
7. ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน ลดใต้ตาคล้ำ
การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนจะเห็นผลได้รวดเร็วกว่าการบำรุงผิวด้วยวิธีอื่น ๆ โดยหลังจากทำการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนเพียงไม่กี่ครั้ง จะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน และระยะเวลาอยู่ได้นาน เช่น ผิวใต้ตาดูกระจ่างใสขึ้น ริ้วรอยลดลง พร้อมกับมีความชุ่มชื้นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจทำ เพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกสูตรยาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
การป้องกันและลดอาการ ที่ทำได้ทุกวัน
การป้องกันและลดอาการใต้ตาคล้ำสามารถทำได้ทุกวันด้วยวิธีการดังนี้
- นอนหลับอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อคืน ช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทำให้ใต้ตาดูสดใสขึ้น
- ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้นและลดปัญหาใต้ตาคล้ำ
- หลีกเลี่ยงการขยี้ตา นอนดึก และการสัมผัสสารระคายเคือง
- ทานผัก ผลไม้ และอาหารที่มีประโยชน์ ช่วยบำรุงผิวพรรณจากภายใน
- ออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและลดความเครียด ซึ่งส่งผลดีต่อผิวพรรณ
สรุป
ใต้ตาคล้ำเป็นปัญหาที่เกิดจากหลายสาเหตุ อาทิ อายุ การนอนน้อย ความเครียด และพันธุกรรม ซึ่งการแก้ไขสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการใช้อายครีม การประคบเย็น และการนวดใต้ตา หากวิธีก่อนหน้านี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ อาจจะใช้วิธีทางการแพทย์ในการรักษา เช่น PRP ฟิลเลอร์ และ ซึ่งเป็นหัตถการที่ทำโดยแพทย์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีการป้องกันไม่ให้ใต้ตาคล้ำที่ทำได้ง่าย ๆ ด้วยการนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์นั่นเอง