สเต็มเซลล์หน้าใส เคล็ดลับฟื้นบำรุงผิวให้อ่อนเยาว์ สุขภาพดีกว่าที่เคย

สเต็มเซลล์หน้าใส

สเต็มเซลล์หน้าใส

ใครที่เบื่อหน่ายกับปัญหาผิวที่มาพร้อมกับอายุที่มากขึ้นทุกวัน ต้องเปิดใจให้ “สเต็มเซลล์หน้าใส” เพราะไม่ได้มีดีแค่เรื่องสุขภาพเท่านั้น! แต่เป็นนวัตกรรมสุดล้ำที่เคยถูกพูดถึงในวงการแพทย์ที่กำลังเป็นที่จับตามองในวงการความงาม เนื่องจากสเต็มเซลล์มีพลังในการฟื้นฟูผิวให้กลับมาอ่อนเยาว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มารู้จักกับสเต็มเซลล์จะช่วยให้ผิวของคุณสวยใสขึ้นได้อย่างไร และมีประโยชน์อะไรบ้าง? มาหาคำตอบพร้อมกันในบทความนี้

สเต็มเซลล์หน้าใส คืออะไร ?

สเต็มเซลล์หน้าใส คือ นวัตกรรมความงามที่ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ในการฟื้นฟูผิวให้กลับมามีชีวิตชีวา อ่อนเยาว์ และเปล่งปลั่ง โดยการนำสเต็มเซลล์จากไขมันของตัวผู้รับบริการเอง มาฉีดเข้าสู่ผิวหน้า ซึ่งวิธีการนี้ไม่ต้องผ่าตัด และมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นการใช้เซลล์ของร่างกายตัวเอง จึงลดความเสี่ยงต่อการแพ้หรือเกิดผลข้างเคียงได้

สเต็มเซลล์หน้าใส มีหลักการทำงานอย่างไร

สเต็มเซลล์จากไขมัน หรือที่เรียกว่า ADSC นั้น มีความสามารถในการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ชนิดต่าง ๆ ในร่างกาย รวมถึงเซลล์ผิวหนัง เมื่อฉีดสเต็มเซลล์เข้าสู่ผิวหน้า จะทำงานร่วมกับเซลล์ผิวเดิม รวมถึงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น เต่งตึง และดูอ่อนเยาว์

สเต็มเซลล์มีกี่ประเภท

สเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิด เป็นเซลล์ที่มีความพิเศษตรงที่สามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ชนิดอื่น ๆ ได้ เช่น เซลล์ผิวหนัง เซลล์ประสาท หรือเซลล์กล้ามเนื้อ โดยทั่วไปแบ่งสเต็มเซลล์ออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ สเต็มเซลล์จากสายสะดือ ซึ่งเก็บจากสายสะดือหลังคลอด และสเต็มเซลล์จากร่างกายผู้ใหญ่ ซึ่งพบได้ในอวัยวะต่าง ๆ เช่น ไขกระดูก หรือไขมัน

สเต็มเซลล์แต่ละประเภท

1. เซลล์ต้นกำเนิดจากสายสะดือ

เซลล์ต้นกำเนิดจากสายสะดือ หรือ UC-MSCs นั้นเป็นเซลล์ที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นเซลล์ชนิดต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นกระดูก กล้ามเนื้อ หรือแม้แต่เลือด นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติพิเศษในการลดการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการของโรคเรื้อรัง เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และโรคลูปัสได้อีกด้วย

2. เซลล์ต้นกำเนิดจากร่างกายผู้ใหญ่

เซลล์ต้นกำเนิดจากผู้ใหญ่เป็นเซลล์พิเศษที่พบกระจายอยู่ตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทั่วร่างกาย เช่น เลือด ไขมัน และไขกระดูก ซึ่งมีความสามารถในการแบ่งตัวและเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ชนิดอื่น ๆ เพื่อทดแทนเซลล์ที่เสียหายหรือตายไป ทำให้เกิดการซ่อมแซมและฟื้นฟูเนื้อเยื่อ ตัวอย่างเช่น เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในไขกระดูกสามารถสร้างเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดได้ ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันและการขนส่งออกซิเจนในร่างกาย โดยการศึกษาเซลล์ต้นกำเนิดในปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่การนำไปใช้ในการรักษาโรคต่าง ๆ เช่น โรคทางระบบประสาท โรคหัวใจ และโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน

ประโยชน์ของสเต็มเซลล์ ช่วยให้หน้าใสได้อย่างไร

การฉีดสเต็มเซลล์หน้าใสคือการดูแลผิวให้กลับมามีสุขภาพดี เปล่งปลั่งอ่อนเยาว์ และช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย ดังนี้

  • คืนความอ่อนเยาว์ ช่วยลดเลือนริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น
  • ฟื้นฟูผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ช่วยให้ผิวแข็งแรง เต่งตึง กระชับ
  • ช่วยให้ผิวสุขภาพดี ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น เปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอก

ฉีดบริเวณไหนของใบหน้า

การฉีดสเต็มเซลล์หน้าใส สามารถทำได้หลากหลายจุดบนใบหน้า เช่น บริเวณแก้ม ร่องแก้ม ใต้ตา หรือแม้แต่บริเวณกล้ามเนื้อและหลอดเลือด อย่างไรก็ตาม การฉีดสเต็มเซลล์ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย

การฉีดสเต็มเซลล์หน้าใส เหมาะกับใคร

การฉีดสเต็มเซลล์หน้าใสเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวที่เกิดจากการทำหัตถการอื่น ๆ ไม่ได้ผล 

การฉีดสเต็มเซลล์หน้าใส ไม่เหมาะกับใคร

การฉีดสเต็มเซลล์หน้าใส เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเหมาะสมกับหัตถการนี้ ซึ่งการฉีดสเต็มเซลล์มีข้อจำกัดและกลุ่มคนที่ควรหลีกเลี่ยง ดังนี้

  • ผู้ที่เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการฉีด
  • ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อ อาจทำให้การรักษาไม่ปลอดภัยหรือไม่ได้ผล
  • ผู้ที่มีอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหรือกระดูก ควรปรึกษาแพทย์ก่อน 
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังเรื้อรัง เช่น โรคผิวหนังอักเสบ หรือโรคสะเก็ดเงิน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ

ฉีดสเต็มเซลล์หน้าใส อันตรายไหม

การฉีดสเต็มเซลล์หน้าใสเป็นหัตถการที่ปลอดภัย หากทำภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจทำการรักษา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพร่างกายและความเหมาะสมในการรักษาด้วยสเต็มเซลล์

สามารถนำสเต็มเซลล์ของคนอื่นมาฉีดได้หรือไม่

การใช้สเต็มเซลล์จากคนอื่นมาฉีดเข้าร่างกายนั้น สามารถทำได้โดยใช้สเต็มเซลล์ชนิด Mesenchymal Stem Cell (หรือ MSC) ซึ่งเป็นสเต็มเซลล์จากคนอื่น (Allogeneic) ที่มีความพิเศษตรงที่สามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกายของผู้รับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นญาติหรือคนทั่วไป เนื่องจาก MSC จะไม่กระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงาน และไม่เกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกาย ทำให้สามารถเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอหรือบาดเจ็บได้ และยังสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นเซลล์ชนิดอื่น ๆ ได้ตามความต้องการของร่างกายอีกด้วย

การเตรียมตัวก่อนฉีดสเต็มเซลล์หน้าใส

การเตรียมตัวก่อนฉีดสเต็มเซลล์หน้าใส

การฉีดสเต็มเซลล์หน้าใสเป็นการรักษาที่ต้องอาศัยการเตรียมตัวที่ดี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการและปลอดภัยสูงสุด ก่อนเข้ารับการรักษา ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

  • แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยา อาหารเสริม สมุนไพร หรือโรคประจำตัวที่เป็นอยู่ทั้งหมด เพื่อให้แพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมีผลต่อการทำงานของเซลล์และอาจส่งผลต่อการรักษา
  • งดอาหารมันและทอดก่อนและหลังฉีดประมาณ 2-3 วัน เพื่อลดภาระในการทำงานของตับและไต
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และช่วยให้สเต็มเซลล์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ควรงดการทำเลเซอร์ ดูดไขมัน หรือการผ่าตัดอื่น ๆ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนและหลังการฉีดสเต็มเซลล์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อน

การดูแลตัวเองหลังฉีดสเต็มเซลล์หน้าใส

การดูแลตัวเองหลังฉีดสเต็มเซลล์หน้าใสเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง 

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะช่วยให้ร่างกายสดชื่นและขับของเสียได้ดีขึ้น 
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
  • งดออกกำลังกายหนัก ๆ และกิจกรรมที่ใช้แรงมากในช่วง 1-2 วันแรก เพื่อป้องกันการอักเสบ
  • ควรอยู่ในที่ร่มและหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีฝุ่นควันหรือเชื้อโรคในช่วง 1-2 วันแรก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • งดอาหารทอดและมัน 2-3 วันแรก เพราะยากต่อการย่อยและอาจทำให้เกิดการอักเสบ 
  • หลีกเลี่ยงการทำหัตถการทางการแพทย์ 1-2 สัปดาห์ 
  • หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวม แดง หรือเจ็บมากเกินไป ควรปรึกษาแพทย์ทันที

หลังฉีดสเต็มเซลล์หน้าใสมีผลข้างเคียงหรือไม่

หลังจากได้รับการฉีดสเต็มเซลล์หน้าใส ในบางรายอาจพบอาการข้างเคียงได้ เช่น ง่วงนอนมากกว่าปกติ ปวดศีรษะ หรือมีไข้ต่ำ ๆ ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้บ่อยและมักจะหายไปเองได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งการดื่มน้ำเปล่า หรือน้ำผลไม้ให้เพียงพอจะช่วยบรรเทาอาการได้ หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์

สเต็มเซลล์หน้าใส ต้องฉีดกี่ครั้ง จึงจะเห็นผล

จำนวนครั้งที่ต้องฉีดสเต็มเซลล์หน้าใสเพื่อเห็นผลนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย ปัญหาผิวหน้าที่ต้องการแก้ไข และคำแนะนำของแพทย์ โดยทั่วไป แพทย์มักจะแนะนำให้ฉีด 1-3 ครั้งต่อปี แต่สำหรับการฉีดเฉพาะจุด อาจมีการปรับจำนวนครั้งให้เหมาะสมกับแต่ละเคส

ฉีดสเต็มเซลล์หน้าใส อยู่ได้นานแค่ไหน

โดยทั่วไป การฉีดสเต็มเซลล์หน้าใสจำนวน 5 ล้านเซลล์ จะเริ่มเห็นผลลัพธ์เบื้องต้นหลังจากนั้นประมาณ 1-4 สัปดาห์ ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น คุณภาพของสเต็มเซลล์ จำนวนเซลล์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล และการดูแลผิวหลังการรักษา ซึ่งผลลัพธ์โดยเฉลี่ยจะอยู่ได้ประมาณ 3-12 เดือน

ฉีดสเต็มเซลล์หน้าใสราคาเท่าไหร่

ราคาของการฉีดสเต็มเซลล์หน้าใสขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของสเต็มเซลล์ จำนวนเซลล์ที่ใช้ และระยะเวลาการเก็บรักษา การเลือกแพ็กเกจสเต็มเซลล์จึงควรพิจารณาความต้องการส่วนบุคคลและปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้คำแนะนำที่เหมาะสม

สรุป

สเต็มเซลล์หน้าใส คือ หัตถการความงามที่ใช้เซลล์ต้นกำเนิดจากไขมันของตัวผู้รับบริการเอง มาช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาอ่อนเยาว์ ซึ่งสเต็มเซลล์จะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวเต่งตึง ลดเลือนริ้วรอย ฝ้า กระ และจุดด่างดำ ซึ่งผลลัพธ์จะเห็นได้ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 1-4 สัปดาห์ และอยู่ได้นานหลายเดือน โดยการรักษาด้วยสเต็มเซลล์หน้าใสจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และผู้รับบริการต้องเตรียมตัวและดูแลตัวเองหลังการรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจและปลอดภัย