คำถามที่พบบ่อย ฉีดฟิลเลอร์ และ โบท็อกซ์

รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำหัตถการชะลอวัยที่ Zeniq Holistic Clinic

Filler คือสารเติมเต็มที่ใช้ในการปรับรูปหน้า เช่น การเติมเต็มริ้วรอย หรือเพิ่มปริมาณในส่วนต่างๆ ของใบหน้า แบ่งได้เป็นหลายประเภท เช่น Hyaluronic Acid, Calcium Hydroxylapatite, Poly-L-lactic acid

Filler ที่นิยมใช้มีหลายยี่ห้อ เช่น Juvederm, Restylane, Belotero, Radiesse, Sculptra เป็นต้น

สามารถฉีด Filler ได้หลายจุดบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม, ใต้ตา, คาง, หน้าผาก, ปาก, และแถบแก้มตอบ เพื่อแก้ไขปัญหาหรือปรับปรุงรูปหน้า

การฉีด Filler ช่วยเพิ่มความเต่งตึงให้กับผิวหนัง ลดริ้วรอย ร่องลึก หรือเพิ่มความสมดุลให้ใบหน้า

ข้อเสียอาจมีอาการบวม, แดง, ช้ำ หรือความเสี่ยงจากการเกิดการติดเชื้อในบางกรณี

ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้ปวดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด และหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ก่อนการฉีด Filler

หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือการนวดบริเวณที่ฉีด Filler และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ ใน 24 ชั่วโมงแรก

ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยคืออาการบวม, ช้ำ, และอาจรู้สึกตึงที่บริเวณที่ฉีด

  1. Filler ใต้ตาช่วยลดร่องใต้ตาลึก และความหมองคล้ำโดยผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน

การฉีด Filler ที่หน้าผากช่วยให้ผิวเรียบเนียน ลดริ้วรอยที่หน้าผาก และอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน

Filler ที่ร่องแก้มช่วยลดร่องลึก และเพิ่มความเต่งตึงให้ผิวอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน

Filler แก้มตอบช่วยเติมเต็มบริเวณที่ขาดความเต่งตึงและป้องกันใบหน้าจากการหดตัว โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน

Filler ปากช่วยเพิ่มขนาดริมฝีปาก และลดรอยย่นที่บริเวณรอบๆ ปาก โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 6-12 เดือน

Filler คางช่วยให้ใบหน้าดูสมส่วน และปรับรูปทรงคางให้สวยงาม โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 6-12 เดือน

ควรหลีกเลี่ยงการฉีด Filler หากมีประวัติการแพ้สารบางประเภท หรือมีการติดเชื้อในบริเวณที่ฉีด

Ozone Therapy คือการใช้ก๊าซโอโซนในการรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ โดยจะช่วยลดการอักเสบ และกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์

ราคาของ Ozone Therapy จะอยู่ที่ประมาณ 3,000-10,000 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับประเภทของการรักษา