ใบหน้าที่เรียบเนียนกระจ่างใสเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ต่างใฝ่ฝัน เพราะนอกจากจะช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดีแล้ว ยังแสดงถึงสุขภาพผิวที่ดีอีกด้วย แต่ด้วยปัจจัยมากมายทั้งจากภายในและภายนอก ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะ ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือแม้แต่ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง ล้วนส่งผลให้ผิวหน้าของเราดูหมองคล้ำ เกิดริ้วรอย และปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมา การฉีดเมโสหน้าใสจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการแก้ไขปัญหาผิวหน้าแบบครบวงจร
เมโสหน้าใส คืออะไร มีการทำงานอย่างไร
เมโส (Mesotherapy) เป็นเทคนิคการรักษาผิวที่ใช้การฉีดสารบำรุงเข้าสู่ชั้นผิวหนังกลาง (mesoderm) เพื่อปรับปรุงสภาพผิวและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น สีผิวไม่สม่ำเสมอ ฝ้า กระ และจุดด่างดำ โดยสารที่ถูกฉีดเข้าไปมักประกอบด้วยวิตามิน แร่ธาตุ กรดไฮยาลูโรนิก และสารต้านอนุมูลอิสระ
ระหว่าง เมโสหน้าใส VS. มาเด้คอลลาเจน ต่างกันอย่างไร
มาเด้คอลลาเจนเป็นชื่อแบรนด์ของเมโสหน้าใส ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในการฉีดและฝังเข็มตามแนวท่อน้ำเหลือง ซึ่งวิธีนี้ช่วยแก้ปัญหาผดผื่นและสิวอุดตัน พร้อมทั้งช่วยขจัดสารพิษและสิ่งสกปรกที่ตกค้างในผิวหน้า
นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ผิว ป้องกันการแพ้และการเกิดผดผื่นในอนาคต ในขณะที่เมโสหน้าใสทั่วไปจะมีสูตรตัวยาที่หลากหลาย โดยเน้นการปรับผิวให้กระจ่างใสเป็นหลัก ด้วยส่วนผสมของวิตามินอี วิตามินเอ และวิตามินซี ซึ่งช่วยในการปรับสภาพผิวให้ขาวกระจ่างใสและลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน
ฉีดเมโสหน้าใสมีกี่แบบ
การฉีดเมโสหน้าใส เป็นการรักษาที่ได้รับความนิยมในการบำรุงผิวหน้า โดยแบ่งออกเป็น 2 เทคนิคหลัก ๆ ดังนี้
เทคนิคฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด
เป็นการฉีดแบบตื้น ๆ หลาย ๆ จุดคล้ายการสะกิดผิว ทำให้เจ็บน้อยและฟื้นตัวเร็ว เหมาะสำหรับการบำรุงผิวทั่วไปและผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นการรักษา
เทคนิคฉีดเมโสหน้าใส 16 จุด
การฉีดเมโสหน้าใส 16 จุด เป็นการฉีดลึกลงไปในผิวหนังตามจุดสำคัญ 16 จุดบนใบหน้า ช่วยให้สารบำรุงกระจายตัวได้ทั่วถึงและมีประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ฉีดเมโสหน้าใส ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
ฉีดเมโสหน้าใสช่วยอะไร? การฉีดเมโสหน้าใสไม่เพียงแต่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์หลากหลายด้านที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม ดังนี้
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
การฉีดเมโสจะช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยลดการหย่อนคล้อยของผิว ทำให้ใบหน้าดูกระชับและอ่อนเยาว์
ลดเลือนริ้วรอยและรอยตีนกา
เมโสหน้าใสจะสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะริ้วรอยบริเวณหางตาหรือรอยตีนกา ที่มักเป็นปัญหากวนใจสำหรับหลายคน อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ได้อีกด้วย
เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
การฉีดเมโส เป็นการนำสารบำรุงฉีดลงในชั้นผิวที่มีต่อมไขมัน ซึ่งทำหน้าที่รักษาความชุ่มชื้นให้ผิว เปรียบเสมือนการเติมน้ำให้ผิว โดยจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนในช่วง 4-7 วันหลังการฉีด
ลดการอักเสบของสิว
สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบ เมโสหน้าใสจะช่วยบรรเทาการอักเสบได้ ด้วยส่วนผสมของสารต้านการอักเสบและวิตามินที่จำเป็น จะช่วยให้สิวยุบเร็วขึ้น ลดการเกิดสิวใหม่ และช่วยให้แผลสิวหายเร็วกว่าปกติ
ลดฝ้า กระ และจุดด่างดำ
การฉีดเมโสหน้าใสสามารถยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินได้ ซึ่งเป็นสาเหตุของฝ้า กระ และจุดด่างดำ โดยจะทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ลดความหมองคล้ำ และป้องกันการเกิดจุดด่างดำใหม่
ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
สำหรับผู้ที่มีปัญหาสีผิวไม่เท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นจากรอยดำจากสิว หรือความไม่สม่ำเสมอของสีผิว การฉีดเมโสหน้าใสจะช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนและมีสีสม่ำเสมอมากขึ้น ทำให้ใบหน้าดูสดใสเป็นธรรมชาติ
ฟื้นฟูเซลล์ผิวและเสริมสร้างการทำงานของผิว
เมโสหน้าใสหรือการฉีดมาเด้ ด้วยเทคนิคการฉีดแบบ 16 จุด จะช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และเร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่า นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและกระตุ้นระบบน้ำเหลือง ส่งผลให้ผิวแลดูสดใสและมีสุขภาพดีจากภายใน
ซื้อมาฉีดเองที่บ้านได้ไหม
การซื้อเมโสหน้าใสมาฉีดเองตามร้านค้าออนไลน์ เป็นอันตรายอย่างที่หลายคนคาดไม่ถึง เนื่องจากมักมีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์หรือสารแปลกปลอมที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย โดยเฉพาะการกดภูมิคุ้มกันซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ และยังก่อให้เกิดปัญหาสิวทั้งชนิดอักเสบและอุดตัน
นอกจากนี้ การฉีดเมโสเองที่บ้านอาจทำให้สูญเสียทั้งเงินและสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และผลเสียระยะยาวจากการสะสมของสารสเตียรอยด์ในร่างกาย ดังนั้น แม้การฉีดเมโสจะดูเป็นหัตถการที่ไม่ซับซ้อน แต่เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ควรเลือกใช้บริการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ฉีดเมโสหน้าใสเหมาะกับใครบ้าง
การฉีดเมโสหน้าใสเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยก่อนวัย
- ผู้ที่มีปัญหาสิวและรอยดำจากสิว
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวที่เสียจากแสงแดด
- ผู้ที่มีผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น
- ผู้ที่ต้องการบำรุงผิวเชิงป้องกัน
ฉีดเมโสหน้าใสไม่เหมาะกับใครบ้าง
การฉีดเมโสหน้าใสอาจไม่เหมาะกับบางกลุ่มคน ดังนี้
- สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีปัญหาโรคเลือดผิดปกติ
- ผู้ที่มีภาวะธาตุเหล็กเกินเกณฑ์
- ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ
- ผู้ที่เป็นเบาหวาน
- ผู้ที่มีป่วยเป็นโรคตับหรือไต
- ผู้ที่มีอาการป่วยด้วยอาการแพ้ภูมิตนเอง
ข้อดีของการฉีดเมโสหน้าใส
- เห็นผลรวดเร็ว: ฉีดเมโสหน้าใสกี่ครั้งเห็นผล? การฉีดเมโสหน้าใสสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 1 ครั้ง หลังฉีด 3 วัน และเห็นผลเต็มที่ใน 7-14 วัน ซึ่งเร็วกว่าการใช้ครีมบำรุงทั่วไปที่อาจต้องใช้เวลาหลายเดือน
- ฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก: ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูฟูและสดใส
- ไม่ต้องพักฟื้น: รอยเข็มที่เกิดจากการฉีดจะหายไปภายใน2-3 วัน ทำให้ไม่ต้องมีการพักฟื้นนาน
ข้อเสียของการฉีดเมโสหน้าใส
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร: ผลลัพธ์ของการฉีดเมโสหน้าใสจะอยู่ได้นานประมาณ 1-2 เดือน และต้องทำซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์
- ความเสี่ยงจากการฉีดไม่ถูกต้อง: หากไม่ได้รับการฉีดจากแพทย์ที่มีประสบการณ์ อาจเกิดแผลหรืออักเสบ รวมถึงมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- อาจเกิดผลข้างเคียง: ฉีดเมโสหน้าใสมีผลข้างเคียงหรือไม่? แม้ว่าจะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดอาการบวมแดง รอยช้ำ หรือแม้กระทั่งอาการแพ้ต่อยาชาหรือสารที่ใช้ในการฉีดได้
ขั้นตอนการฉีดเมโสหน้าใส
- ทำความสะอาดใบหน้า
- ทายาชาเฉพาะที่
- รอให้ยาชาออกฤทธิ์ประมาณ 30-45 นาที
- แพทย์ทำการฉีดเมโสตามเทคนิคที่เลือก
- ทาเจลบำรุงและครีมกันแดด
- ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 60 นาที
การดูแลตัวเองก่อนฉีด
ถ้าอยากได้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนรีวิว การเตรียมตัวก่อนฉีดเมโสหน้าใสเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การรักษามีความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังนี้
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข และประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว
- งดใช้ครีมบำรุงหรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรงก่อนทำประมาณ 1-2 วัน เพื่อป้องกันการระคายเคือง
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนหลับให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมสารบำรุงจากการฉีด
- งดประรับอาหารกลุ่มวิตามินเสริมอย่างน้อย 7 วัน เช่น กลุ่มวิตามิน C เข้มข้น
การดูแลตัวเองหลังฉีด
การดูแลตัวเองหลังการทำเมโสหน้าใสเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธิภาพและยาวนาน
- ไม่ควรแต่งหน้า อย่างน้อย 12 ชั่วโมงหลังการฉีด เพื่อป้องกันการระคายเคือง
- ประคบเย็น บริเวณที่ฉีดหลังจาก 12 ชั่วโมงแรกเพื่อลดอาการบวม
- ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน และหลีกเลี่ยงการใช้สบู่หรือครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ หรือ AHAหรือผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ในช่วงแรก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือเกา บริเวณที่ฉีดในช่วง 1-2 คืนแรก เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย อย่างน้อย 48 ชั่วโมง เนื่องจากเหงื่ออาจทำให้ผลลัพธ์ลดลง
- งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ในช่วง 1 สัปดาห์เพื่อป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิว
- ไม่ควรอยู่ในที่ร้อนจัดหรือโดนแดด อย่างน้อย 14 วัน เพื่อป้องกันการสร้างเม็ดสีผิวที่ไม่ต้องการ
เมโสหน้าใสแบบทา เห็นผลไหม
เมโสหน้าใสแบบทาอาจให้ผลลัพธ์ที่น้อยกว่าการฉีด เนื่องจากสารบำรุงไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังชั้นนอกได้ลึกพอ แนะนำสำหรับการบำรุงเบื้องต้นหรือการดูแลต่อเนื่องหลังการฉีดเท่านั้น
ฉีดแล้ว หน้าจะบวมหรือไม่
ฉีดเมโสหน้าใสมีผลข้างเคียงหรือไม่ หน้าบวมกี่วัน? โดยทั่วไปอาการบวมจะหายภายใน 1-3 วัน ขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉีดและการตอบสนองของแต่ละบุคคล ทั้งนี้สามารถใช้น้ำแข็งประคบเพื่อลดอาการบวมได้
สรุป
การฉีดเมโสหน้าใสเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์การดูแลผิวที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องรอผลจากการทาครีมบำรุงเป็นเวลานาน แต่อย่าลืมว่าการดูแลผิวที่ดีต้องทำควบคู่ไปกับการใช้ชีวิตที่ดี ทั้งการพักผ่อนที่เพียงพอ การดื่มน้ำ การทานอาหารที่มีประโยชน์ และการป้องกันผิวจากแสงแดด จึงจะช่วยให้ผิวสวยสุขภาพดีได้อย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม การเลือกสถานที่ทำและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย รวมถึงปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล