Shock Wave คลื่นกระแทก กุญแจสำคัญในการรักษาโรคเรื้อรัง

shock wave ช่วยเรื่องอะไร รักษาอาการแบบไหน

Shock Wave หรือคลื่นกระแทก เป็นวิธีการรักษาที่ใช้คลื่นพลังงานสูงในการกระตุ้นการซ่อมแซม และฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บ บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Shock Wave ว่าคืออะไร ทำงานอย่างไร และมีประโยชน์ในการรักษาโรคใดบ้าง

Shock Wave คืออะไร

Shock Wave คือคลื่นพลังงานที่เกิดจากการอัดตัวของอากาศ สามารถส่งผ่านพลังงานเข้าสู่เนื้อเยื่อลึกประมาณ 3-4 เซนติเมตร โดยมีผลต่อกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น กลไกการทำงานของคลื่นกระแทกคือการกระตุ้นให้เกิดการบาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งจะกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมตามธรรมชาติของร่างกาย

อย่างไรก็ตาม Shock Wave Therapy คือการรักษาด้วยคลื่นกระแทก เป็นวิธีการรักษาที่ไม่รุกล้ำ (Non-Invasive) ซึ่งหมายความว่าไม่ต้องมีการผ่าตัด หรือสอดใส่อุปกรณ์ใด ๆ เข้าไปในร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้เร็ว และมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่าการรักษาแบบดั้งเดิม 

ซึ่งประโยชน์ของ Shock Wave มีดังนี้

  • เพิ่มการไหลเวียนเลือดโดยกระตุ้นการสร้างหลอดเลือดใหม่
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในเนื้อเยื่อ
  • ลดกระบวนการอักเสบ
  • บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ
  • คลายจุดกดเจ็บ
  • ช่วยสลายหินปูนในเส้นเอ็น

Shock Wave กับ Laser ต่างกันอย่างไร

ทั้งสองอย่างนี้มีข้อดีและการใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับลักษณะของปัญหาสุขภาพ และคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่ง Shock Wave กับ Laser ต่างกันอย่างไร? สามารถสรุปได้ ดังต่อไปนี้

  • Shock Wave จะใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ สามารถเข้าถึงเนื้อเยื่อที่อยู่ลึกได้มากกว่า จึงเหมาะสำหรับการรักษาโรคเกี่ยวกับกระดูกและกล้ามเนื้อ เช่น เอ็นอักเสบหรือข้อเสื่อม เป็นต้น
  • Laser จะใช้แสงความเข้มสูงในการรักษา ซึ่งอาจเป็นการตัด เผา หรือกระตุ้นเซลล์ มักใช้รักษาบริเวณผิวหนัง หรือเนื้อเยื่อที่อยู่ตื้น และมีการใช้งานที่หลากหลายตั้งแต่การรักษาผิวหนัง ไปจนถึงการผ่าตัดตา 

Shock Wave ทำงานอย่างไร

การทำงานของ Shock Wave อาศัยหลักการของคลื่นเสียงความถี่สูงที่ถูกส่งผ่านเครื่องมือพิเศษไปยังบริเวณที่ต้องการรักษา คลื่นพลังงานสูงนี้จะสร้างแรงกระแทกเล็ก ๆ ในเนื้อเยื่อ ซึ่งจะกระตุ้นกระบวนการต่าง ๆ ในร่างกาย ดังนี้

  1. กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด: Shock Wave จะช่วยขยายหลอดเลือดฝอย ทำให้เลือดไหลเวียนไปยังบริเวณที่บาดเจ็บได้ดีขึ้น
  2. เพิ่มการสร้างคอลลาเจน: Shock Wave กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
  3. ลดการอักเสบ: Shock Wave จะช่วยลดการอักเสบในบริเวณที่ได้รับการรักษา
  4. บรรเทาอาการปวด: Shock Wave ช่วยลดความเจ็บปวดโดยการกระตุ้นการหลั่งสารเอนดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่ช่วยระงับปวด
  5. สลายแคลเซียมสะสม: ในกรณีของโรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อ คลื่นกระแทกสามารถช่วยสลายแคลเซียมที่สะสมอยู่ได้

8 กลุ่มอาการที่สามารถรักษา หรือบรรเทาอาการได้

Shock Wave Therapy สามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคและอาการต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อ เอ็น และกระดูก มาดูตัวอย่างของโรคที่สามารถรักษาด้วย Shock Wave ได้ดังนี้

อาการออฟฟิศซินโดรม

อาการออฟฟิศซินโดรมเป็นกลุ่มอาการที่พบบ่อยในคนทำงานออฟฟิศ เกิดจากการนั่งทำงานในท่าเดิมเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อเกิดความตึงตัว เมื่อยล้า และปวดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณคอ บ่า ไหล่ และหลัง 

การรักษาด้วย Shock Wave มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการเหล่านี้ โดยคลื่นกระแทกจะช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงตัว กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และลดการอักเสบ ส่งผลให้อาการปวดเมื่อยลดลง และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อ ทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อาการปวดคอ บ่า ไหล่

อาการปวดคอ บ่า ไหล่ เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน มักเกิดจากความเครียด การใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หรือการนอนในท่าที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวเกิดการตึงตัวและอักเสบ 

Shock Wave จะช่วยลดการอักเสบของเนื้อเยื่อ คลายกล้ามเนื้อที่ตึงตัว นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทำให้อาการปวดลดลงและการเคลื่อนไหวดีขึ้น

อาการปวดหลัง

อาการปวดหลังเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก สาเหตุมีได้หลายประการ เช่น การยกของหนัก ท่าทางการทำงานที่ไม่ถูกต้อง หรือโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง เป็นต้น

โดย Shock Wave จะช่วยคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งตัว ทำให้ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อหลังเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อาการปวดลดลงและการเคลื่อนไหวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

อาการปวดสะโพก

อาการปวดสะโพกสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การอักเสบของข้อต่อ การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหรือเอ็น หรือโรคข้อเสื่อม ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเคลื่อนไหวและการใช้ชีวิตประจำวัน 

ซึ่ง Shock Wave จะช่วยลดการอักเสบของเนื้อเยื่อรอบ ๆ ข้อสะโพก กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และส่งเสริมการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อที่เสียหาย นอกจากนี้ ยังช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงตัวบริเวณสะโพก ทำให้การเคลื่อนไหวของข้อสะโพกดีขึ้น และลดอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อาการปวดส้นเท้า (โรครองช้ำ)

โรครองช้ำหรืออาการปวดส้นเท้าเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้ที่ต้องยืนหรือเดินเป็นเวลานาน เกิดจากการอักเสบของพังผืดใต้ฝ่าเท้า (Plantar Fascia) ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดรุนแรงบริเวณส้นเท้า โดยเฉพาะเมื่อก้าวเท้าแรกในตอนเช้าหรือหลังจากนั่งพักเป็นเวลานาน 

การรักษาด้วย Shock Wave จะช่วยลดการอักเสบของพังผืด กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่และการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในบริเวณดังกล่าว ทำให้อาการปวดลดลง และช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ

เส้นเอ็นอักเสบ

เส้นเอ็นอักเสบเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในหลายส่วนของร่างกาย เช่น ข้อมือ ข้อเท้า หัวไหล่ หรือข้อศอก มักเกิดจากการใช้งานซ้ำ ๆ หรือการบาดเจ็บ ทำให้เกิดอาการปวด บวม และจำกัดการเคลื่อนไหว 

โดย Shock Wave จะช่วยลดการอักเสบของเส้นเอ็น กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และส่งเสริมการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อเอ็นที่เสียหาย นอกจากนี้ ยังช่วยทำลายเนื้อเยื่อแผลเป็นที่อาจเกิดขึ้น ทำให้เส้นเอ็นมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ส่งผลให้อาการปวดลดลงและการทำงานของข้อต่อดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

อาการปวดข้อศอก ข้อมือ

อาการปวดข้อศอกและข้อมือมักเกิดจากการใช้งานซ้ำ ๆ เช่น การเล่นกีฬาเทนนิส (เทนนิสเอลโบว์) หรือการพิมพ์คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ทำให้เกิดการอักเสบของเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าว ส่งผลให้เกิดอาการปวด และจำกัดการเคลื่อนไหว 

Shock Wave จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับเส้นเอ็น ทำให้อาการปวดลดลงและการทำงานของข้อต่อดีขึ้น ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้งานข้อศอกและข้อมือได้ดี

ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ 

ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ชาย โดยมักจะมีปัญหาในการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย การรักษาน้องชายด้วย Shock Wave ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเนื่องจากช่วยกระตุ้นการสร้างหลอดเลือดใหม่ และเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในอวัยวะเพศชายได้

ข้อดีของการรักษาด้วย Shock Wave

Shock Wave ดีไหม? อย่างที่ได้รู้กันไปว่า Shock Wave มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดและกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วกว่าการรักษาแบบดั้งเดิม โดยมีข้อดี ดังนี้

  • ผลลัพธ์รวดเร็ว: สำหรับผู้ที่มีอาการปวดเล็กน้อย หรือเพิ่งเริ่มมีอาการ การบำบัดนี้สามารถให้ผลลัพธ์ที่สังเกตเห็นได้ทันทีหลังการรักษา ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • ประสิทธิภาพสูงในการบรรเทาอาการปวดรุนแรง: แม้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการปวดมาก การบำบัดด้วยคลื่นกระแทกสามารถลดความเจ็บปวดลงได้ถึงครึ่งหนึ่ง 
  • กระตุ้นการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ: การบำบัดนี้มีประสิทธิภาพสูงในการกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูตามธรรมชาติของร่างกาย ส่งผลให้การรักษามีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น
  • เหมาะสำหรับอาการปวดเรื้อรัง: นอกจากจะช่วยบรรเทาอาการปวดเฉียบพลันแล้ว การบำบัดด้วยคลื่นกระแทกยังมีประสิทธิภาพสูงในการรักษาอาการปวดที่เรื้อรังมานาน ซึ่งมักเป็นปัญหาที่รักษาได้ยากด้วยวิธีอื่น
  • ประหยัดเวลาและมีประสิทธิภาพ: แม้จะต้องการการรักษาอย่างต่อเนื่อง แต่จำนวนครั้งที่ต้องเข้ารับการบำบัดมักน้อยกว่าวิธีการรักษาแบบอื่น 

มีข้อควรระวัง และข้อห้ามในการรักษาหรือไม่

ทุกการรักษาย่อมมีข้อควรระวัง และข้อห้าม เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย ซึ่ง Shock Wave เองก็จะมีข้อควรระวัง และข้อห้าม ดังนี้

ข้อควรระวังในการใช้ Shock Wave 

  • บริเวณที่มีการติดเชื้อ: การใช้ Shock Wave ในบริเวณที่มีการติดเชื้ออาจทำให้เชื้อแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียงได้ ควรรักษาการติดเชื้อให้หายก่อนเริ่มการรักษาด้วย Shock Wave
  • บริเวณที่มีเนื้องอก: Shock Wave อาจกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ ซึ่งอาจเป็นอันตรายในกรณีที่มีเนื้องอก ควรตรวจสอบและวินิจฉัยลักษณะของเนื้องอกให้แน่ชัดก่อนการรักษา
  • บริเวณที่เป็นแผล: การใช้ Shock Wave บนบริเวณที่เป็นแผลอาจทำให้เกิดการระคายเคือง และชะลอการหายของแผล ควรรอให้แผลหายสนิทก่อนเริ่มการรักษา
  • บริเวณที่มีการอักเสบของเส้นประสาท: Shock Wave อาจทำให้อาการอักเสบของเส้นประสาทรุนแรงขึ้น ควรรักษาการอักเสบของเส้นประสาทด้วยวิธีอื่นก่อน
  • บริเวณที่มีหลอดเลือดโป่งพอง: การใช้ Shock Wave ใกล้กับหลอดเลือดที่โป่งพองอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการแตกของหลอดเลือด ควรหลีกเลี่ยงการใช้ในบริเวณนี้หรือปรึกษาแพทย์เฉพาะทางก่อน

ข้อห้ามการรักษาด้วย Shock Wave 

  • เด็กและผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี: เนื่องจากร่างกายยังอยู่ในช่วงการเจริญเติบโต การใช้ Shock Wave อาจส่งผลต่อการพัฒนาของกระดูกและเนื้อเยื่อ
  • สตรีที่กำลังตั้งครรภ์: เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์ ไม่แนะนำให้ใช้ Shock Wave ในสตรีมีครรภ์
  • ผู้ป่วยมะเร็ง: Shock Wave อาจกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ ซึ่งอาจเป็นอันตรายสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง
  • ผู้ที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึก: การใช้ Shock Wave อาจทำให้ลิ่มเลือดหลุดและเคลื่อนที่ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
  • ผู้มีภาวะเลือดแข็งตัวช้า: Shock Wave อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดจ้ำเลือด หรือเลือดออกในเนื้อเยื่อ
  • ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ: คลื่นกระแทกอาจรบกวนการทำงานของเครื่องกระตุ้นหัวใจ ทำให้เกิดอันตรายได้
  • ผู้ที่ได้รับการฉีดยาสเตียรอยด์ภายใน 6 สัปดาห์: สเตียรอยด์อาจลดประสิทธิภาพของ Shock Wave และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ

หลังทำแล้ว มีผลข้างเคียงอะไรหรือไม่

แม้ว่า Shock Wave จะเป็นวิธีการรักษาที่ปลอดภัย แต่ Shock Wave ก็อาจมีผลข้างเคียงบางอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นอาการเล็กน้อยและหายไปเองได้ ดังนี้

  • ปวดหรือรู้สึกไม่สบายบริเวณที่ได้รับการรักษา: อาการนี้มักหายไปภายใน 1-2 วัน
  • รอยแดงหรือรอยช้ำบริเวณผิวหนัง: มักเกิดขึ้นเล็กน้อยและหายไปเองได้
  • มีอาการบวม: อาจเกิดอาการบวมเล็กน้อยหลังการรักษา แต่มักไม่รุนแรงและหายไปเอง
  • รู้สึกชาบริเวณที่ทำ: บางคนอาจรู้สึกชาบริเวณที่ได้รับการรักษา แต่อาการนี้มักหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมง
  • ปวดศีรษะ: พบได้น้อย แต่บางคนอาจมีอาการปวดศีรษะหลังการรักษา

รักษาด้วย Shock Wave เจ็บไหม

Shock Wave เจ็บไหม? ในระหว่างการรักษา ผู้ป่วยอาจรู้สึกไม่สบาย หรือเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับทรมาน ซึ่งความรู้สึกนี้จะคล้ายกับการถูกตีเบา ๆ ด้วยยางรัดหรือการนวดแรง ๆ 

ระดับความเจ็บปวดจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และขึ้นอยู่กับบริเวณที่ได้รับการรักษาด้วย บางคนอาจรู้สึกเพียงแค่ไม่สบายเล็กน้อย ในขณะที่บางคนอาจรู้สึกเจ็บมากกว่า อย่างไรก็ตาม แพทย์สามารถปรับระดับความแรงของคลื่นให้เหมาะสมกับความทนของผู้ป่วยแต่ละรายได้ นอกจากนี้ ความรู้สึกไม่สบายระหว่างการรักษามักจะหายไปอย่างรวดเร็วหลังจากจบการรักษาในแต่ละครั้ง

Shock Wave ราคาเท่าไร

การรักษาด้วย Shock Wave อาจจะมีราคาที่แตกต่างกันไปตามสถานพยาบาล ภูมิภาค และความรุนแรงของอาการ โดยทั่วไป ราคาต่อครั้งอาจอยู่ในช่วง 1,500 – 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น

  • ชนิดของเครื่อง Shock Wave ที่ใช้
  • ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์
  • ตำแหน่งและความรุนแรงของอาการ
  • จำนวนครั้งที่ต้องรักษา

อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ หรือสถานพยาบาลโดยตรงเพื่อรับทราบราคาที่แน่นอน เนื่องจากอาจมีโปรโมชัน หรือแพ็กเกจการรักษาที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้

สรุป

Shock Wave หรือคลื่นกระแทก เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาโรคเรื้อรังหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่เกี่ยวข้องกับกระดูก กล้ามเนื้อ และเอ็น ด้วยคุณสมบัติที่ไม่ต้องผ่าตัด มีผลข้างเคียงน้อย และช่วยฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ Shock Wave เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัดหรือการใช้ยาในระยะยาว