PRP ใต้ตา คืออะไร อยู่ได้นานไหม ช่วยรักษาใต้ตาคล้ำได้จริงหรือไม่?

ฉีด PRP ใต้ตา

สำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ สามารถแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดและปลอดภัยด้วย PRP ใต้ตา ซึ่ง PRP ใต้ตา เป็นนวัตกรรมความงามที่ใช้เกล็ดเลือดเข้มข้นของผู้ป่วยเอง เหมาะสำหรับใครที่ต้องการปรับให้ผิวใต้ตาดูสดใส อ่อนเยาว์ขึ้น แล้ว PRP ใต้ตาคืออะไร? มีขั้นตอนยังไงบ้าง?  ไปหาคำตอบพร้อมกันเลย

ฉีด PRP ใต้ตา คืออะไร 

PRP หรือ Platelet Rich Plasma คือ พลาสมาเกล็ดเลือดเข้มข้น เป็นนวัตกรรมความงามที่ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำและริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการนำเลือดของผู้ป่วยมาปั่นและเลือกเฉพาะส่วนที่อุดมไปด้วยเกล็ดเลือด และสารอาหารที่ช่วยในการฟื้นฟูผิว ไปฉีดบริเวณใต้ตา

บทความแนะนำ

สาเหตุของใต้ตาคล้ำที่คุณควรรู้

ใต้ตาคล้ำเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย และมีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้น ดังนี้

  • พันธุกรรม หากคนในครอบครัวมีปัญหาใต้ตาคล้ำ ก็มีโอกาสที่จะเป็นเช่นกัน
  • อายุ เมื่ออายุมากขึ้น ผิวรอบดวงตาจะบางลง ทำให้เห็นเส้นเลือดดำชัดเจนขึ้น
  • พักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนดึกหรือพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้เส้นเลือดรอบดวงตาทำงานไม่ดี ทำให้เกิดรอยคล้ำ
  • ภูมิแพ้ จะทำให้เยื่อบุโพรงจมูกบวมและกดทับเส้นเลือด ทำให้เกิดรอยคล้ำและ บวมรอบดวงตา

ฉีด PRP ใต้ตา เหมาะสำหรับใคร ช่วยอะไรบ้าง

การฉีด PRP ใต้ตา เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาต่อไปนี้

  • ใต้ตามีริ้วรอย PRP จะช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น อ่อนเยาว์กว่าเดิม
  • ใต้ตาดูหมองคล้ำ PRP ช่วยฟื้นฟูผิวใต้ตาให้กลับมาสดใส กระจ่างใสขึ้น
  • ใต้ตามีริ้วรอย PRP ช่วยให้ผิวแข็งแรง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวชุ่มชื้น
  • ผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ หรือรูขุมขนกว้าง PRP ช่วยปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น
  • มีรอยแผลเป็นหรือรอยสิว PRP ช่วยให้รอยแผลเป็นดูจางลง ผิวเรียบเนียนขึ้น

ใครบ้างไม่ควรทำ PRP ใต้ตา

การทำ PRP ใต้ตาเป็นการรักษาที่ปลอดภัย แต่ก็มีบางกลุ่มคนที่ไม่เหมาะสมที่จะทำ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ ดังนี้

  • ผู้ป่วยโรคมะเร็งและผู้ป่วยติดเชื้อ เพราะอาจทำให้ร่างกายอ่อนแอลงและเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น
  • ผู้ป่วยโรคโลหิตจาง อาจมีปัญหาเรื่องการแข็งตัวของเลือด ทำให้การทำ PRP เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน
  • ผู้ป่วยที่ทานยาสลายลิ่มเลือด หรือยาต้านเกล็ดเลือด ยาจะไปยับยั้งการแข็งตัวของเลือด ทำให้การทำ PRP เพิ่มความเสี่ยงต่อการมีเลือดออกไม่หยุด
  • ผู้ที่มีปัญหาเลือดแข็งตัวผิดปกติ ผู้ที่มีภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติ อาจมีเลือดออกง่ายหลังการทำ PRP
  • คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ การทำ PRP ในขณะตั้งครรภ์อาจมีผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้

ข้อดี-ข้อเสียของการฉีด PRP ใต้ตา

ก่อนตัดสินใจทำ PRP ใต้ตา ควรพิจารณาข้อดี-ข้อเสียให้รอบคอบ ดังนี้

  • ข้อดี มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากใช้เลือดของตัวเอง จึงมีความเสี่ยงต่อการแพ้น้อยมาก ทั้งยังเห็นผลรวดเร็ว และสามารถอยู่ได้นานหลายเดือน
  • ข้อเสีย อาจมีอาการบวม ช้ำ หรือคันบริเวณที่ฉีดเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อาจต้องทำซ้ำหลายครั้ง ตามแต่ละบุคคล

ฉีด PRP ใต้ตา อยู่ได้นานไหม

PRP ใต้ตา อยู่ได้นานไหม? ผลลัพธ์หลังการฉีด PRP ใต้ตาแต่ละครั้งจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพผิว อายุ การดูแลหลังทำ และปริมาณ PRP ที่ฉีด โดยทั่วไปผลลัพธ์จากการฉีด PRP ใต้ตาครั้งหนึ่งจะอยู่ได้นานประมาณ 1-1.5 ปี แต่ก็อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

การเตรียมตัวก่อนฉีด PRP ใต้ตา อย่างไร ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การเตรียมตัวก่อนทำ PRP จะช่วยให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง 

  • ก่อนทำ PRP อย่างน้อย 1-2 วัน ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอประมาณ 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายพร้อมสำหรับการรักษา
  • ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 1.5-2 ลิตรต่อวัน เพื่อให้ร่างกายมีน้ำเพียงพอ ช่วยให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารทอด หรืออาหารรสจัดอย่างน้อย 1 วันก่อนทำ เพราะอาหารเหล่านี้อาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดอย่างน้อย 2-3 วันก่อนทำ เพราะแอลกอฮอล์จะไปรบกวนการทำงานของตับและไต
  • หากทานยาต้านการอักเสบ ยาลดไข้ หรือยาละลายลิ่มเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยา เพราะอาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
  • ในวันทำการรักษาควรงดการแต่งหน้า เพราะจะทำให้แพทย์ประเมินสภาพผิวได้อย่างถูกต้อง

ขั้นตอนการทำ PRP ใต้ตา

การทำ PRP ใต้ตาเป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างง่ายและปลอดภัย โดยทั่วไปแล้วขั้นตอนจะดำเนินไปดังนี้

  1. แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจประเมินสภาพผิวใต้ตาของคุณ เพื่อประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
  2. บริเวณรอบดวงตาจะถูกทำความสะอาดอย่างละเอียด เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไป
  3. แพทย์จะทายาชาบริเวณรอบดวงตา เพื่อลดความรู้สึกไม่สบายระหว่างการรักษา
  4. แพทย์จะเจาะเลือดของคุณออกมาเล็กน้อย (ประมาณ 15-20 ซีซี) นำไปปั่นแยกด้วยเครื่อง Centrifuge เพื่อแยกส่วนที่เป็นเกล็ดเลือดออกมา
  5. เกล็ดเลือดที่ได้จะถูกนำมาฉีดเข้าสู่บริเวณใต้ตาที่ต้องการรักษา
  6. แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังการรักษา เช่น การหลีกเลี่ยงแสงแดด การใช้ครีมกันแดด เป็นต้น

วิธีดูแลตัวเองหลัง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ดูแลตัวเองหลังทำ PRP ใต้ตา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดโอกาสเกิดการระคายเคือง ดังนี้

  • ควรงดการล้างหน้าประมาณ 4-5 ชั่วโมงหลังทำ เพื่อให้ PRP ได้ซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างเต็มที่
  • งดการทำทรีตเมนต์อื่น ๆ บนใบหน้า เช่น การสครับผิว หรือการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารเคมีเข้มข้น
  • ควรงดการแต่งหน้าอย่างน้อย 1 วัน เพื่อให้ผิวได้พักผ่อนและฟื้นตัวอย่างเต็มที่

ทำ PRP ใต้ตา เจ็บไหม

ฉีด PRP ใต้ตา เจ็บไหม? การทำ PRP ไม่เจ็บมากนัก เพราะสกัดมาจากเลือดของตัวเอง จึงเข้ากับร่างกายได้ดี และอาจจะรู้สึกอุ่น ๆ บริเวณที่ฉีดไปสักพัก บางคนอาจมีรอยช้ำแต่ก็จะหายไปเองในไม่กี่วัน

มีผลข้างเคียงหรือไม่

การฉีด PRP รักษาใต้ตาคล้ำ ปลอดภัยแค่ไหน? การสกัดมาจากเลือดของตัวเอง ทำให้ร่างกายไม่ต่อต้าน จึงแทบไม่มีอาการแพ้หรืออันตรายใด ๆ 

ฉีด PRP  ใต้ตาแล้วบวมเกิดจากอะไร

การฉีด PRP ใต้ตาแล้วบวม ในบางคนสามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ไม่ต้องกังวล โดยสาเหตุของอาการบวมนี้เกิดขึ้นได้จากหลายอย่าง ดังนี้

  • การฉีด PRP เข้าไปในผิวหนัง จะกระตุ้นให้ร่างกายเร่งฟื้นฟูตัวเอง ทำให้เกิดการอักเสบเล็กน้อย ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติ และอาการบวมก็จะค่อย ๆ ลดลงไปเอง
  • PRP ที่ฉีดเข้าไปนั้นมีส่วนประกอบที่ช่วยในการซ่อมแซมผิว เมื่อ PRP กระจายตัวในผิวหนัง อาจทำให้เกิดอาการบวมชั่วคราวได้
  • ถ้าการฉีดไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในบริเวณที่ฉีดมากขึ้น จึงทำให้บวมได้ง่ายขึ้น
  • การไม่ดูแลตัวเองหลังทำ เช่น การนวด หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีด อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและทำให้บวมนานขึ้นได้
  • ผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรง เช่น มีอาการแพ้ง่าย หรือมีปัญหาเรื่องการไหลเวียนเลือด อาจมีโอกาสบวมมากกว่าคนอื่น ๆ

PRP ใต้ตา ราคาเท่าไร

PRP ใต้ตา ราคาเท่าไร? ราคาของการทำ PRP ใต้ตาจะแตกต่างกันไปตามแต่ละคลินิก สิ่งสำคัญคือ ควรเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ ได้รับมาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการทำหัตถการของคุณจะปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี

รีวิวการทำ PRP ใต้ตา

เลือกทำ PRP Ready ที่ Zeniq Holistic ดีกว่าอย่างไร

PRP Ready คือทางเลือกใหม่ในการฟื้นฟูผิวด้วย PRP ที่สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการสกัดเลือดจากร่างกายผู้ป่วย เป็น PRP สำเร็จรูปที่ผลิตจากเกล็ดเลือดคุณภาพสูงในห้องแล็บของคลินิก จึงทำให้ได้ PRP ที่มีความเข้มข้นของ Growth Factors สูง ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ใต้ตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาหมองคล้ำ ริ้วรอย ผิวไม่สม่ำเสมอ หรือผิวแห้งกร้าน

Zeniq Holistic มีโปรแกรม Zeniq PRP Premium ในราคา 18,000 บาท ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวใต้ตาให้กลับมาอ่อนเยาว์ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและปลอดภัย เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุมากขึ้นหรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลือดในร่างกายที่อาจไม่สะดวกในการสกัดเลือด

หัตถการอื่น ๆ ที่ฟื้นฟูใต้ตาได้

การฉีดใต้ตาเพื่อให้ใต้ตากระจ่างใสขึ้นนั้นมีหลายวิธี ซึ่งก่อนตัดสินใจ แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิวของคุณก่อน นอกจากการทำ PRP ใต้ตาที่เป็นที่รู้จักกันดีแล้ว ยังมีตัวเลือกอื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถช่วยให้ผิวใต้ตาของคุณกลับมาสดใสได้ ดังนี้

  • ฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ช่วยเติมเต็มร่องลึกและลดเลือนริ้วรอยได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้สารเติมเต็มชนิดไฮยาลูรอนิก ซึ่งเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกาย
  • รีจูรันใต้ตา เป็นการฉีดสารสกัดจากดีเอ็นเอปลาแซลมอน ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูเซลล์ผิวให้แข็งแรงขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงสภาพผิวให้แข็งแรงจากภายใน
  • เมโสใต้ตา เป็นการฉีดวิตามินและสารอาหารเข้มข้นเข้าสู่ผิว ช่วยลดความหมองคล้ำและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
  • สเต็มเซลล์ใต้ตา ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวใต้ตาดูอ่อนเยาว์ สดใส ริ้วรอยลดลง และผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
  • โบท็อกใต้ตา ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงออกทางสีหน้า ทำให้ผิวรอบดวงตาดูเรียบเนียนขึ้น
  • ฉีดไขมันตัวเอง ช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

PRP ใต้ตา VS. ฟิลเลอร์ใต้ตา แบบไหนเห็นผลกว่ากัน ต่างกันอย่างไร?

การเลือกใช้ PRP ใต้ตา หรือ ฟิลเลอร์ใต้ตา ขึ้นอยู่กับความต้องการและลักษณะปัญหาที่ต้องการแก้ไข โดยทั้งสองวิธีมีข้อดีและข้อแตกต่างที่ชัดเจน

คุณสมบัติPRP ใต้ตาฟิลเลอร์ใต้ตา
วิธีการใช้เลือดของตัวเองสารเติมเต็ม HA
ความคงอยู่ของผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า 1 ปีอยู่ได้นาน 6-8 เดือน
ความปลอดภัยมีความปลอดภัยสูงและไม่มีสารแปลกปลอมมีความปลอดภัยปานกลางและอาจเกิดผลข้างเคียงในบางราย

สรุป

การฉีด PRP เป็นวิธีการดูแลผิวที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ การเลือกสถานพยาบาลที่สะอาด ปลอดภัย และมีมาตรฐาน Zeniq Holistic ของเรามีบริการฉีด PRP เพื่อฟื้นฟูผิวหน้าและลดรอยคล้ำใต้ตา โดยทีมแพทย์ของเราจะคอยดูแล ให้คำปรึกษาในทุกขั้นตอน เพื่อให้คุณมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด