ดริปวิตามินผิว อันตรายไหม กี่ครั้งเห็นผล? เป็นทางลัดสู่ผิวสวย สุขภาพดี จริงไหม

ดริปวิตามินผิว เพื่อสุขภาพ

ในยุคที่ทุกคนต่างให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและความงาม “ดริปวิตามิน” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “IV Drip” กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่า ดริปผิวคืออะไร? กี่ครั้งถึงจะเห็นผล? และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง? บทความนี้จะไขข้อข้องใจทั้งหมดเกี่ยวกับการดริปวิตามิน พร้อมประโยชน์ทีจะได้รับหลังดริปผิว

ดริปวิตามินผิว (IV Drip) คืออะไร? 

ดริปวิตามิน หรือ IV Drip (Intravenous Drip) คือการให้สารอาหารและวิตามินทางเส้นเลือดโดยตรง โดยใช้น้ำเกลือเป็นตัวนำพาสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย วิธีนี้ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าการรับประทานอาหาร หรือวิตามินเสริมทั่วไป 

ดริปวิตามินผิวกับฉีดผิว ต่างกันอย่างไร

ดริปผิว vs ฉีดผิว ต่างกันไหม

ดริปผิวกับฉีดผิวต่างกันยังไง? โดยการฉีดผิวและการดริปวิตามินผิว ก็มีข้อดี-ข้อเสีย ต่างกัน ดังนี้

  • วิธีการ: ดริปผิวให้สารอาหารผ่านกระแสเลือด ในขณะที่ฉีดผิวเป็นการฉีดเข้าชั้นผิวหนังโดยตรง 
  • ระยะเวลา: ดริปผิวใช้เวลานานกว่า แต่ให้ผลลัพธ์ทั่วทั้งร่างกาย ส่วนฉีดผิวใช้เวลาน้อยกว่าแต่เน้นเฉพาะบริเวณ ซึ่งใช้เวลาน้อยกว่า (5-15 นาที)
  • ความเจ็บปวด: ดริปผิวเจ็บน้อยกว่าเพราะการดริปยามีสารลดความเจ็บปวดได้ดีกว่าการฉีดวิตามิน
  • ผลลัพธ์: ดริปผิวให้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุมทั้งร่างกาย รวมถึงสุขภาพภายใน ส่วนฉีดผิวเน้นผลลัพธ์เฉพาะจุดที่ต้องการ

การเลือกระหว่างดริปผิวและฉีดผิวขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละบุคคล หากต้องการผลลัพธ์ทั่วทั้งร่างกายและเสริมสุขภาพภายใน ดริปผิวอาจเหมาะสมกว่า

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : ดริปผิวกับฉีดผิว ต่างกันยังไง? แบบไหนเหมาะกับคุณ

ประโยชน์ของการดริปวิตามิน

การดริปวิตามินเป็นวิธีการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน ด้วยประโยชน์หลากหลายที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความงาม มาดูประโยชน์ที่สำคัญของการดริปวิตามินได้ ดังนี้

การดูดซึมที่มีประสิทธิภาพสูง

การให้วิตามินและแร่ธาตุทางหลอดเลือดดำช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านระบบทางเดินอาหาร และช่วยเพิ่มระดับการดูดซึมสารอาหารได้ถึง 90-100% เมื่อเทียบกับการรับประทานที่มีอัตราการดูดซึมเพียง 10-20%

เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระในดริปช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน อีกทั้งยังช่วยป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงของอาการเจ็บป่วย

เพิ่มพลังงานและลดอาการอ่อนเพลีย

วิตามินบีรวมในดริปช่วยในกระบวนการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย และช่วยลดอาการอ่อนเพลีย เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า และปรับปรุงสมาธิให้ดีขึ้นได้

ฟื้นฟูผิวพรรณ

กลูต้าไธโอนและวิตามินซีช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดริ้วรอย อีกทั้งยังให้ผิวกระจ่างใส ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเต่งตึงและมีความยืดหยุ่น

บรรเทาอาการแพ้และภูมิแพ้

สารต้านฮิสตามีนในดริปบางสูตรช่วยลดอาการแพ้ และภูมิแพ้ ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล และอาการแพ้อื่น ๆ

ช่วยในการฟื้นตัวหลังการออกกำลังกาย

แร่ธาตุและอิเล็กโทรไลต์ในดริปช่วยทดแทนสารอาหารที่สูญเสียไประหว่างการออกกำลังกาย ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและเร่งการฟื้นตัว

ส่งเสริมการทำงานของสมอง

วิตามินบีรวมและสารอาหารบางชนิดในดริปช่วยปรับปรุงการทำงานของระบบประสาท ช่วยเพิ่มความจำ สมาธิ และความสามารถในการเรียนรู้

ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก

ดริปบางสูตรมีส่วนผสมที่ช่วยเร่งการเผาผลาญและควบคุมความอยากอาหาร ช่วยสนับสนุนโปรแกรมการลดน้ำหนักและการสร้างกล้ามเนื้อ

ช่วยในการดีท็อกซ์

สารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินในดริปช่วยสนับสนุนการทำงานของตับและไต ช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้รู้สึกสดชื่นและมีสุขภาพดีขึ้น

เสริมสร้างสุขภาพเส้นผม เล็บ และผิวหนัง

วิตามินและแร่ธาตุช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเส้นผม เล็บ และผิวหนัง ช่วยให้ผมเงางาม เล็บแข็งแรง และผิวเปล่งปลั่ง

ลดความเครียดและปรับปรุงคุณภาพการนอน

แมกนีเซียมและวิตามินบีรวมช่วยลดความเครียด ส่งเสริมการผ่อนคลาย ช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ ทำให้รู้สึกสดชื่นเมื่อตื่นนอน

บำบัดอาการเมาค้าง

ดริปสูตรแก้เมาค้างช่วยเติมน้ำและแร่ธาตุที่สูญเสียไปจากการดื่มแอลกอฮอล์ ช่วยบรรเทาอาการปวดหัว คลื่นไส้ และอาการเมาค้างอื่น ๆ

12 สูตรดริปวิตามิน (IV Drip) จาก Zeniq Holistic

ดริปวิตามินที่ zeniq

คำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัย “ดริปวิตามินผิว กี่ครั้งเห็นผล?” คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพผิวเดิม สุขภาพโดยรวม ความถี่ในการดริป และสูตรวิตามินที่เลือก มาดู 12 สูตรดริปวิตามินที่มีเฉพาะ Zeniq Holistic ที่จะทำให้ผิวสวย สุขภาพร่างกายแข็งแรงจากภายในได้ดังนี้

12 สูตรดริปวิตามิน IV Drip ที่ zeniq
  1. Supreme DM: ปรับสมดุลน้ำตาล ลดไขมันสะสม ผิวสดใสมีชีวิตชีวา ชะลอริ้วรอย
  2. Vascular Support: เพิ่มการไหลเวียนเลือดและออกซิเจน ฟื้นฟูผนังหลอดเลือด ผิวสดใสเปล่งปลั่ง
  3. Liver Detoxification: ขจัดสารพิษ ฟื้นฟูตับจากความเสียหาย ผิวกระจ่างใส ลดสิว ชะลอริ้วรอย
  4. Super C/Megadose Vitamin C: เสริมภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นคอลลาเจน ผิวชุ่มชื้นอ่อนเยาว์
  5. Hormone Support: ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนและอารมณ์ในผู้หญิง ปรับระดับเทสโทสเตอโรน เพิ่มพลังงาน และส่งเสริมสุขภาพทางเพศในผู้ชาย
  6. Enhance Metabolism: เพิ่มการเผาผลาญ มีแอล-คาร์นิทีน ช่วยเปลี่ยนไขมันเป็นพลังงาน กระตุ้นการลดน้ำหนัก 
  7. Stress Free: ลดความเครียด บำรุงสมองและหัวใจด้วยสารอาหารเข้มข้น ช่วยให้ความจำดีขึ้น นอนหลับสบาย 
  8. Organ Support: ผสมนิวโรเปปไทด์ (Cerebrolysin) เพื่อฟื้นฟูและเพิ่มประสิทธิภาพสมอง หัวใจ ตับ และไต
  9. Immune Support: ต้านการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกันด้วยแร่ธาตุ และวิตามินซีที่สูงเพื่อสุขภาพโดยรวม
  10. After Party: เติมน้ำ ขจัดพิษ เสริมวิตามิน และอิเล็กโทรไลต์ ฟื้นฟูร่างกายหลังปาร์ตี้
  11. Disease Improvement: สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน ช่วยเผาผลาญดี ขจัดสารพิษ ฟื้นฟูเซลล์ สุขภาพดีขึ้นจากภายใน
    • Cocktail Infusions: Cocktail 1: สูตรพื้นฐานเสริมการเผาผลาญ ภูมิคุ้มกัน และการทำงานของเซลล์
    • Cocktail 2 (Add NAC): เพิ่ม NAC เพื่อขจัดสารพิษตับ และเสริมภูมิคุ้มกัน
    •  Cocktail 3 (NAC + Glutathione): NAC + กลูตาไธโอน เพิ่มประสิทธิภาพการขจัดสารพิษ ลดความเครียดออกซิเดทีฟ

อย่างไรก็ตาม ราคาของการดริปวิตามินผิว (IV Drip) มีความแตกต่างกันไปตามสถานที่ให้บริการและส่วนผสมของวิตามินที่ใช้ 

ดริปวิตามินผิว อันตรายไหม

ดริปวิตามินผิว (IV Drip) อันตรายไหม? แม้ว่าการดริปวิตามินผิวจะเป็นวิธีที่ค่อนข้างปลอดภัยเมื่อทำโดยผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็มีความเสี่ยงบางประการที่ควรระวัง

  • การติดเชื้อ: หากอุปกรณ์ไม่สะอาดหรือวิธีการไม่ถูกสุขลักษณะ
  • แพ้สารบางชนิด: บางคนอาจแพ้ส่วนผสมบางอย่างในสารละลาย
  • ผลข้างเคียง: เช่น คลื่นไส้ วิงเวียน หรือปวดศีรษะ ฯลฯ
  • ปัญหาจากการให้สารมากเกินไป: เช่น ไตทำงานหนักเกินไปจากวิตามินซีปริมาณมาก

เพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ ควรเลือกใช้บริการจากสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและมีแพทย์ดูแลเท่านั้น

มีข้อห้ามอะไรหรือไม่

การดริปวิตามินมีข้อห้ามสำหรับบางกลุ่มคน การทราบข้อห้ามเหล่านี้จะช่วยป้องกันความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ต่อไปนี้คือกลุ่มคนที่ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนรับการดริปวิตามิน

  • ผู้ที่มีโรคหัวใจหรือไต
  • ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง
  • สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร
  • ผู้ที่แพ้ส่วนผสมใด ๆ ในสารละลาย
  • ผู้ที่มีภาวะน้ำเกินในร่างกาย

นอกจากนี้ ควรแจ้งแพทย์หากกำลังรับประทานยาใด ๆ เพื่อป้องกันปฏิกิริยาระหว่างยา

ระหว่าง โรงพยาบาล VS. คลินิก เลือกที่ไหนดี

แล้วจะดริปผิวที่ไหนดี? ระหว่างโรงพยาบาลหรือคลินิก ซึ่งสำหรับการดริปวิตามิน (IV Drip) จะมีข้อดีและข้อเสียต่างกัน ดังนี้

โรงพยาบาล 

การดริปผิวที่โรงพยาบาล ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยสูง เนื่องจากโรงพยาบาลมีมาตรฐานการดูแลที่เข้มงวด มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยครบครัน ทำให้มั่นใจได้ว่าการรักษาจะดำเนินไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ 

นอกจากนี้ โรงพยาบาลยังมีบริการทางการแพทย์ที่หลากหลาย รวมถึงโปรแกรมการดริปวิตามินผิวที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ป่วยได้อย่างครอบคลุม 

คลินิก

คลินิกมีเป็นความกันเองและผ่อนคลาย พนักงานมักให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ทำให้รู้สึกสบายใจ นอกจากนี้ คลินิกหลายแห่งยังมี โปรแกรมดริปผิวที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล 

อย่างไรก็ตาม ข้อควรระวัง คือ คลินิกอาจมีมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่แตกต่างกันไปเมื่อเทียบกับโรงพยาบาล อุปกรณ์และบุคลากรอาจไม่ครบครันเท่า และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอาจมีจำนวนน้อยกว่า ทำให้ผู้รับบริการอาจมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการรักษาได้

สรุป

การดริปวิตามินผิวหรือ IV Drip เป็นวิธีการบำรุงผิวและสุขภาพที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยประสิทธิภาพในการให้สารอาหารที่สูงกว่าการรับประทานทั่วไป ทำให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่า 

ที่สำคัญ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจทำดริปวิตามินผิว เพื่อวางแผนการดูแลสุขภาพและความงามที่เหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุด