Zeniq Holistic - สาระความรู้
ทำไมหน้าแก่ก่อนวัย? มาดูสาเหตุ และวิธีแก้ไขให้หน้ากลับมาเด็กอีกครั้ง

ปัญหาผิวหน้าเหี่ยวย่นเป็นเรื่องที่หลายคนกังวล เพราะนอกจากจะทำให้ดูแก่กว่าวัยแล้ว ยังส่งผลต่อความมั่นใจในตนเองอีกด้วย สาเหตุของปัญหาผิวหน้าเหี่ยวย่นนั้นมีหลากหลาย ทั้งปัจจัยภายในและภายนอกร่างกาย ซึ่งล้วนส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนและอิลาสตินที่เป็นโครงสร้างสำคัญของผิว ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยตามมา การทำความเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหาจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร
หน้าแก่ก่อนวัยเป็นแบบไหน
หน้าแก่ก่อนวัยเป็นยังไง? หน้าแก่ก่อนวัยเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเสื่อมสภาพของผิวหนัง ซึ่งสังเกตได้จากหลายลักษณะที่เห็นได้ชัด ดังนี้
ริ้วรอย ที่ปรากฏชัดเจนบริเวณร่องแก้ม รอบดวงตา และหน้าผาก
ผิวหย่อนคล้อย โดยเฉพาะบริเวณใต้ตา แก้ม และกราม ทำให้ใบหน้าขาดความกระชับ
1จุดด่างดำและความหมองคล้ำ ที่เกิดจากการสะสมของเม็ดสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ
ผิวแห้งกร้านและบาง ลงจนขาดความชุ่มชื้นและไวต่อการระคายเคือง
รูขุมขนกว้าง ซึ่งเป็นผลมาจากการสูญเสียความยืดหยุ่นของผิวหนัง
ทำไมหน้าจึงแก่ก่อนวัย
หน้าแก่ก่อนวัยเกิดจากอะไร? ก่อนจะไปเผยเคล็ดลับหน้าเด็ก เราต้องทำความเข้าใจ สาเหตุหลักที่ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย กันก่อน เพื่อจะได้ป้องกันและดูแลผิวได้อย่างถูกวิธี ลดโอกาสที่ผิวจะถูกทำร้ายและเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

พักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนดึกและพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนที่จำเป็นในการซ่อมแซมผิวไม่ทัน ส่งผลให้ผิหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น
อาหารการกิน การรับประทานอาหารขยะ อาหารแปรรูป อาหารมัน อาหารหวาน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะไปเพิ่มปริมาณอนุมูลอิสระในร่างกาย ทำลายคอล
ลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญที่ช่วยให้ผิวเต่งตึง
การสูบบุหรี่ สารพิษจากบุหรี่จะทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอย และดูแก่กว่าวัย
การขาดน้ำ น้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย การดื่มน้ำน้อยเกินไปจะทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้าน เกิดริ้วรอย และดูหมองคล้ำ
ความเครียด เป็นตัวการทำลายคอลลาเจนและทำให้ผิวอ่อนแอลง
แสงแดด รังสี UVA และ UVB ในแสงแดดเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวเกิดริ้วรอย ฝ้า กระ และจุดด่างดำ ทำให้ผิวดูหมองคล้ำและแก่กว่าวัย
ใครบ้างที่จะเสี่ยงหน้าแก่ก่อนวัย
ผู้หญิงมีแนวโน้มเผชิญกับปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยมากกว่าผู้ชาย เพราะมีปริมาณคอลลาเจนในผิวน้อยกว่า และมีชั้นไขมันใต้ผิวหนังบริเวณแก้มหนากว่า ทำให้ริ้วรอยและความหย่อนคล้อยของผิวปรากฏชัดเจนขึ้น
นอกจากเพศแล้ว ผู้ที่มีพฤติกรรมบางอย่างก็เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่เร่งให้ผิวแก่ก่อนวัย เช่น
- ผู้ที่สูบบุหรี่ สารนิโคตินและสารเคมีในบุหรี่ทำลายคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอย
- ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายขาดน้ำและวิตามิน ส่งผลให้ผิวแห้งกร้านและขาดความชุ่มชื้น
- ผู้ที่ขาดการดูแลผิวไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้าไม่สะอาด การไม่ทาครีมกันแดด หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ ล้วนส่งผลเสียต่อสุขภาพผิว
6 วิธีแก้ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย ฟื้นคืนผิวให้กลับมาเด็ก
หน้าแก่ก่อนวัยทำไงดี? ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยก็เป็นปัญหาที่หลายคนกังวลใจ มาดู 6 วิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณฟื้นคืนผิวให้กลับมาอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง ดังนี้

1. การฉีดฟิลเลอร์
ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยเช่น หน้าเหี่ยว ริ้วรอยดูลึก หน้าดูหย่อนคล้อยลง หรือมีริ้วรอยเล็ก ๆ ล้วนเกิดจากการที่กระดูกใต้ผิวหนังยุบตัวลง ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นและคอลลาเจนไม่แข็งแรงพอที่จะพยุงผิวให้ตึงกระชับอยู่ได้
การฉีดฟิลเลอร์ จึงเป็นทางออกที่ดีในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ โดยฟิลเลอร์ที่นิยมใช้คือสาร ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายคนเราสร้างขึ้นเองอยู่แล้ว มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดี ช่วยเติมเต็มร่องลึกให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น และยังช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำ ชุ่มชื้น กระชับขึ้นอีกด้วย
>> อ่านเพิ่มเติม บริการฉีดฟิลเลอร์
2. การฉีดโบท็อกซ์
การฉีดโบท็อกซ์ จะช่วยควบคุมกล้ามเนื้อให้ผ่อนคลายลง ทำให้ริ้วรอยที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อบ่อย ๆ เช่น ริ้วรอยที่หน้าผาก ร่องแก้ม หรือหางตา ลดเลือนลงได้อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจุดเด่นของการฉีดโบท็อกซ์ ก็คือเห็นผลได้ค่อนข้างเร็ว โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 7-14 วัน หลังจากฉีดก็จะเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ และผลลัพธ์จะอยู่กับเราได้นานประมาณ 3-4 เดือนเลยทีเดียว
นอกจากจะช่วยให้ริ้วรอยที่มีอยู่เดิมดูจางลงแล้ว การฉีดโบท็อกซ์ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย เพราะกล้ามเนื้อที่เราฉีดไปนั้นจะขยับได้น้อยลง ทำให้ริ้วรอยก็เกิดขึ้นได้ยากขึ้นตามไปด้วย
>> อ่านเพิ่มเติม บริการฉีดโบท็อกซ์
3. การฉีดสเต็มเซลล์หน้าใส
การฉีดสเต็มเซลล์ นั้นเปรียบเสมือนการเติมพลังให้ผิวของคุณกลับมาสดใส อ่อนเยาว์อีกครั้ง เพราะสเต็มเซลล์นั้นทำหน้าที่เหมือนกับเซลล์ซ่อมแซมที่เข้าไปแทนที่เซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ทำให้ผิวที่เคยแห้งกร้านดูชุ่มชื้นขึ้น ริ้วรอยต่าง ๆ ที่เคยกวนใจก็ดูจางลง ผิวดูเรียบเนียน อิ่มน้ำ และเปล่งปลั่งมากขึ้น
นอกจากนี้ สเต็มเซลล์ยังมีคุณสมบัติพิเศษในการปล่อยสารสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นเหมือนโครงสร้างที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและเต่งตึงอยู่ได้ เมื่อคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวเพิ่มขึ้น ผิวก็จะดูอ่อนเยาว์ กระชับ และลดเลือนริ้วรอยได้อย่างเห็นได้ชัด
>> อ่านเพิ่มเติม สเต็มเซลล์
4. การทำ PRP หน้าใส
การทำ PRP (Platelet Rich Plasma) เป็นการนำเลือดของตัวเราเองออกมาเพียงเล็กน้อย แล้วนำไปผ่านกระบวนการพิเศษเพื่อแยกเอาส่วนที่สำคัญที่สุด นั่นคือเกล็ดเลือดเข้มข้นออกมา ซึ่งเกล็ดเลือดเข้มข้นนี้มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายได้เป็นอย่างดี เมื่อเราฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นกลับเข้าไปในบริเวณที่ต้องการบำบัด เช่น ใบหน้า รอยแผลเป็น หรือข้อต่อที่เสื่อมสภาพ เกล็ดเลือดก็จะเข้าไปกระตุ้นให้เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวหน้าของเราดูอ่อนเยาว์ ริ้วรอยลดเลือน รูขุมขนกระชับ และผิวพรรณดูเปล่งปลั่งสดใสมากขึ้น
>> อ่านเพิ่มเติม บริการ PRP เกร็ดเลือด
5. ทำ EndoliftX กระชับผิวหน้า
Endolift เป็นนวัตกรรมการยกกระชับผิวหน้าและลดไขมันส่วนเกินที่ใช้เทคโนโลยีเส้นใยนำแสงขนาดเล็ก (Fiber optic) สอดเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อปล่อยพลังงานเลเซอร์ความยาวคลื่นเฉพาะเจาะจง 1470 นาโนเมตร ที่จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับมากขึ้น ทำให้ริ้วรอยลดเลือน ผิวเรียบเนียน และรูปหน้าดูยกกระชับ ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวพรรณดูอ่อนเยาว์และมีสุขภาพดีขึ้น
>> อ่านเพิ่มเติม EndoliftX
6. กระตุ้นคอลลาเจนด้วย Biostimulator
Biostimulator หรือสารกระตุ้นคอลลาเจน เป็นนวัตกรรมความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ เต่งตึง และเรียบเนียนขึ้น Biostimulator แต่ละยี่ห้อมีส่วนประกอบและคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
- Sculptra ที่มีส่วนประกอบของ Poly-L-lactic acid (PLLA) ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของผิวและยกกระชับใบหน้าได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
- Radiesse ที่มีส่วนประกอบของ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ให้ผลลัพธ์การเติมเต็มที่รวดเร็วและเห็นผลชัดเจน เหมาะสำหรับการแก้ไขร่องแก้มลึก
- Juvelook ที่มีส่วนประกอบหลักเป็น Hyaluronic Acid (HA) ช่วยเติมเต็มริ้วรอยและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
การเลือกใช้ Biostimulator ที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาที่ตรงตามความต้องการ
>> อ่านเพิ่มเติม Biostimulator
เคล็ดลับดูแลและป้องกันหน้าไม่ให้แก่ก่อนวัย
เพื่อให้ความอ่อนเยาว์ที่ได้มานั้นอยู่กับคุณไปนาน ๆ ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลตัวเอง เพราะการดูแลผิวหน้าที่ดีนั้น ไม่ใช่แค่การทำทรีตเมนต์เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันด้วย มาดูวิธีป้องกันปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยได้ดังนี้
- ทากันแดดเป็นประจำทุกวัน แสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยและหมองคล้ำ ดังนั้นการทากันแดดจึงเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นวันที่มีแดดจัดหรือวันที่มีเมฆมากก็ตาม ควรทากันแดดที่มีค่า SPF สูงพอ และทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง เพื่อให้การปกป้องผิวมีประสิทธิภาพมากที่สุด
- บำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ หน้าแก่ก่อนวัยใช้อะไรดี? การบำรุงผิวด้วยครีมบำรุงที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ จะช่วยให้ผิวได้รับการเติมความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอ ช่วยให้ผิวแข็งแรง อิ่มน้ำ และลดโอกาสการเกิดริ้วรอยได้
- ดูแลผิวอย่างเบามือ การขัดผิวแรงๆ หรือการเช็ดเครื่องสำอางแรงๆ อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและเสียดสี ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น ดังนั้น ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยน และเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าเบาๆ เพื่อลดการเสียดสี
- พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะร่างกายจะได้มีเวลาซ่อมแซมเซลล์ผิวที่สึกหรอในระหว่างวัน และช่วยให้ผิวดูสดใส เปล่งปลั่งมากขึ้น
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยที่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น ดังนั้น การเลิกบุหรี่และลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ
สรุป
การดูแลผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ นั้นทำได้ง่ายกว่าที่คิด เพียงแค่เราใส่ใจดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ การเริ่มต้นที่ดีคือการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำร้ายผิว เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และการโดนแสงแดดโดยตรง นอกจากนี้ การบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม การพักผ่อนให้เพียงพอ และการทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผิวสุขภาพดี
หากต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วขึ้น การปรึกษาแพทย์ผิวหนังและเลือกทำหัตถการความงามได้ อย่างไรก็ตาม การดูแลผิวเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความสม่ำเสมอ ผลลัพธ์อาจไม่เห็นผลทันที แต่หากคุณดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง ผิวหน้าของคุณจะค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างแน่นอน